แม้รัฐจะยืนยันว่า AstraZeneca เป็นวัคซีนตัวหลักของไทย แต่หลายโรงพยาบาลก็ยังไม่ได้รับการจัดสรรวัคซีนในจำนวนที่มากพอ ซึ่งศูนย์รับวัคซีนธรรมศาสตร์เองก็เป็นหนึ่งในจุดฉีดที่ได้รับผลกระทบ เฟซบุ๊กโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์จึงต้องออกมาเรียกร้องให้รัฐเจรจากับ AstraZenaca เพื่อนำวัคซีนมาให้คนไทยได้ใช้ก่อน
เฟซบุ๊กโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ เปิดเผยว่า ศูนย์รับวัคซีนธรรมศาสตร์จะสามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้ถึงวันที่ 23 กรกฎาคมเท่านั้น ส่วนวันที่ 24-28 กรกฎาคมจำเป็นต้องหยุดให้บริการ เพราะ “เพราะไม่มีใครมีวัคซีนส่งให้เราฉีดให้ประชาชนได้อีกแล้ว” ขณะที่ยังมีประชาชนอยู่ในคิวเหลือค้างจำนวนมาก อีกทั้งอัตราการลงทะเบียนขอรับวัคซีนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละวัน
ทางเพจโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์จึงขอให้รัฐบาลใช้อำนาจและทำหน้าที่ของรัฐบาล หน้าที่ในการเจรจาตกลงกับบริษัทผู้ผลิต AstraZeneca ซึ่งมีโรงงานผลิตอยู่ในไทย โดยกล่าวว่า “จะกราบไหว้อ้อนวอนก่อนก็ได้” ขอเพียงให้ได้วัคซีนเดือนละอย่างน้อย 6 ล้านโดส จาก 15 ล้านโดสต่อเดือนตามกำลังผลิตของบริษัท เพื่อนำมาให้คนไทยได้ใช้ก่อน
ทั้งนี้ หากบริษัทผู้ผลิต AstraZeneca ไม่ยินยอม ทางเพจโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ขอให้รัฐบาลไทยใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติความมั่นคงทางวัคซีน พ.ศ. 2561 มาตรา 18 (2) ที่กำหนดให้รัฐมนตรีสาธารณสุขโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติมีอำนาจ เมื่อมีเหตุฉุกเฉินหรือเหตุจำเป็นหรือเพื่อป้องกันการควบคุมหรือลดความรุนแรงของโรค เพื่อออกประกาศกำหนดสัดส่วนการส่งออกวัคซีนไปนอกราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวโดยให้เหมาะสมกับสัดส่วนการใช้วัคซีนในประเทศได้
ทางเพจระบุรายละเอียดเพิ่มเติมว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติได้เสนอให้ออกประกาศนี้แล้ว เหลือเพียงแต่การตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ที่จะออกประกาศกำหนดให้บริษัทส่งออกวัคซีนไปได้เฉพาะส่วนที่เกิน 6 ล้านโดส จากที่บริษัทเคยบอกว่าจะมีกำลังการผลิตได้เดือนละ 15 ล้านโดส เพื่อนำวัคซีนมาใช้กับคนไทยก่อน เหมือนกับที่อินเดียเคยทำเมื่อช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา
นอกจากเรียกร้องประเด็นเรื่องวัคซีน เพจโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ยังออกมาเล่าถึงสถานการณ์การรักษาผู้ป่วยในปัจจุบัน โดยระบุว่า “เช้าวันนี้ (17 กรกฎาคม) มีอาจารย์แพทย์ของเรา 1 คน พยาบาล 2 คน และแม่บ้าน 1 คนมีผลตรวจเป็นบวก ทำให้พยาบาลและบุคลากรหลายวอร์ดต้องมาเข้าแถวรอการตรวจ แทนที่จะได้อยู่ดูแลคนไข้ และหลายคนอาจจะต้องหยุดงานยาว 8-10 วัน และต้องออกจากแนวรบไปอีกด้วย”
ขณะที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ตอนนี้ก็ไม่มีเตียงเหลือว่าง เว้นแต่จะส่งผู้ป่วยบางรายไปโรงพยาบาลสนาม หรือมีผู้เสียชีวิตใน ICU ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นแทบทุกวัน วันละ 1-2 ราย
ก่อนหน้านี้มีรายงานว่าทางโรงพยาบาลขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์เก็บร่างผู้เสียชีวิต ซึ่งตอนนี้มีการนำมาติดตั้งเพิ่มแล้ว จาก 14 ยูนิตเป็น 50 ยูนิต และการต้องพยายามเพิ่มศักยภาพนี้เป็นส่วนหนึ่งการสะท้อนให้เห็นอัตราผู้เสียชีวิตที่เพิ่มขึ้น และระบบสาธารณสุขที่เปราะบางลงทุกวัน
อ้างอิงจาก
https://web.facebook.com/TUFHforCOVID19/posts/349382996705542?_rdc=1&_rdr
https://www.matichon.co.th/region/news_2835174