เมื่อวานนี้ (20 กรกฎาคม) ไทยมีรายงานพบผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 กลางถนน จนนำมาสู่การตั้งคำถามถึงการบริหารสถานการณ์ของรัฐบาล ว่าทำไมประเทศไทยจึงได้มาถึงจุดนี้ได้
นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า “ถึงเวลาแล้วที่ต้องยอมรับความจริงของสถานการณ์และต้องพึ่งตนเองให้มากที่สุด” โดย นพ.ธีระวัฒน์ บอกว่า ไทยไม่น่าจะเรียกระลอกระบาดนี้ ว่าเป็นระลอกที่ 4 ได้ เนื่องจากการระบาดในระลอกที่ 3 ยังไม่จบลง แต่ควรเรียกว่า “ระลอกสามภาคพิสดาร” มากกว่า
ในภาพจำของเราอาจนึกว่า ผู้ป่วยอาการหนักอาจเป็นผู้ติดเชื้อเดลตา ที่ระบาดครอบคลุมในกรณีส่วนใหญ่ของประเทศไทยแล้ว แต่ นพ.ธีระวัฒน์ ชี้ว่า เชื้อสายพันธุ์อัลฟาเองก็ส่งอาการหนักอยู่มาก ไม่นานจะมีการแทรกเชื้อเดลตาเข้ามา ยังไม่รวมถึงเชื้อเอปไซลอน ที่เป็นเชื้อกลายพันธุ์ที่น่าวิตกกังวล
แต่ถึงแม้ว่าไทยกำลังจะเจอกับการระบาดของเชื้ออะไรก็ตาม นพ.ธีระวัฒน์ ได้ระบุถึงสถานการณ์ 10 ประการในภาพรวมของประเทศไทยในตอนนี้ว่า
ประการที่ 1 ไทยกำลังเจอกับภาวะวิกฤตแล้วมาระยะหนึ่งแล้ว
ประการที่ 2 การระบาดในตอนนี้เพิ่งเงยตัว และยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลง ในขณะที่ยังมีผู้ที่ไม่ได้รับการตรวจอีกมาก
ประการที่ 3 วัคซีนของ Sinovac มีประสิทธิภาพยับยั้งไวรัสไม่มากพอ บุคลากรการแทพย์ที่ได้รับวัคซีน Sinovac ครบโดสแล้ว พบว่ามีการติดเชื้อ ถึงแม้จะมีอาการไม่มาก แต่กลับเป็นผู้แพร่เชื้อที่ทรงประสิทธิภาพมากที่สุด
ประการที่ 4 เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเรียกร้องวัคซีนชนิดอื่น ไม่ใช่เรื่องอภิสิทธิ์ แต่ทำไปเพื่อผลประโยชน์ของคนทั้งประเทศ
ประการที่ 5 การรักษาตัวของผู้ป่วย COVID-19 ที่บ้าน “ต้องทำให้เป็นรูปธรรมโดยด่วน” โดยมีความจำเป็นอยู่หรือไม่ ที่ผู้ป่วยต้องได้รับการพิจารณาว่าติดเชื้อก่อน เนื่องจากหาที่ตรวจไม่ได้ การสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยก่อนหน้านี้ ก็อาจอนุโลมได้
ประการที่ 6 การจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ ฟ้าทะลายโจร ในผู้ติดเชื้อแล้วสามารถทำได้เลย ส่วนประชาชนจะหายาฆ่าพยาธิมาใช้วันละหนึ่งเม็ดขนาด 12 มิลลิกรัมไปห้าวัน โดยใช้เมื่อมีอาการแล้ว ไม่น่าใช่เรื่องผิด และรวมถึงการใช้น้ำมันกัญชา ที่ช่วยลดอาการอักเสบและปวดทรมาณของร่างกาย ก็ไม่น่าใช่เรื่องผิดเช่นกัน
ประการที่ 7 ยาฆ่าพยาธิไอเวอเมคติน มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากขึ้นเรื่อยๆ จากการใช้จริง และสหราชอาณาจักรเริ่มบรรจุเข้าในการวิจัยอย่างจริงจัง
ประการที่ 8 โรคได้แพร่ระบาดไปยังบ้านเรือนของประชาชนแล้ว ชุมชนแรงงาน แคมป์แรงงาน ไม่ใช่เป็นขุมรังโรคอย่างเดียว การปล่อยให้ประชาชนอยู่ร่วมกัน โดยไม่รู้ว่าใครติด ใครไม่ติด คงไม่มีทางระงับการแพร่กระจายของโรคระบาดได้
ประการที่ 9 ไม่มีความจำเป็นจะต้องมีการวิจัย หรืออ่านตำราถึงสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในไทย การมองโลกแห่งความเป็นจริงจะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะการที่ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ สมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย ได้ออกมาเรียกร้องการจัดการ รวมทั้งการจัดหาวัคซีนหลากหลายไปแล้ว
ประการที่ 10 มีตัวเลข เด็กเล็กและเด็กโต ติดเชื้อกันหนาแน่นในประเทศไทย จนพ่อแม่อยู่ในห้องความดันลบ ลูกน้อยที่ติดเชื้อต้องนอนอยู่ในห้องเดียวกัน ทั้งนี้ ควรใช้วัคซีนเชื้อตาย ที่ถึงแม้ประสิทธิภาพไม่สูง เท่ากับวัคซีนชนิดอื่น แต่สามารถนำมาฉีดให้เด็กทั้งหมดได้ เนื่องจากวัคซีนเชื้อตาย เป็นเหมือนเช่นวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้าที่สามารถฉีดได้ตั้งแต่เด็กจนถึงแก่ แม้กระทั่งคนที่กำลังตั้งท้อง
นพ.ธีระวัฒน์ ระบุว่า “เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งเพ่งพินิจ พิจารณาอยู่บนภูเขาหรือชายหาดโก้เก๋ ลองใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์มานั่งอยู่ในห้องฉุกเฉิน ลงมาตรวจ ลงมาพูดคุยกับผู้ป่วยและครอบครัว คงจะทำให้เห็นสถานการณ์ได้ดีขึ้นเป็นแน่แท้”
อ้างอิงจาก
https://thematter.co/brief/149798/149798
#Brief #TheMATTER