ยอดผู้ป่วยและเสียชีวิตจาก COVID-19 ที่ทำสถิติใหม่ทุกวัน และยังไม่มีแนวโน้มว่าจะดีขึ้นในเร็วๆ นี้ ทำให้ผู้ใช้โซเชียลมีเดียหลายๆ คน โดยเฉพาะบนเฟซบุ๊ก เปลี่ยนรูปโปรไฟล์หรือกรอบรูปโปรไฟล์ ไปใช้วลีที่บอกว่า “จำนวนคนตายไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่คือชีวิตและเป็นคนในครอบครัวของใครสักคน” เพื่อเรียกร้องให้ผู้เกี่ยวข้อง สนใจ ใส่ใจ และทุ่มเทแก้ไขปัญหามากกว่าที่เป็นอยู่
ในรายการ #มาเถอะจะคุย EP.21 ของ The MATTER x จอมขวัญ เมื่อวันที่ 28 ก.ค.2564 ตัวแทนบุคลากรทางการแพทย์บางส่วน ยังเรียกร้องให้รัฐบาลยอมรับความจริง และออกมาขอโทษประชาชน เพื่อลดแรงกดันต่อคนหน้างาน ซึ่งทำงานหนักกว่าปกติหลายเท่าตัว แต่ก็ต้องเผชิญกับเสียงด่าทอจากประชาชน ที่รับคนที่พวกเขารักซึ่งติด COVID-19 มารักษาไม่ได้
พยาบาลวิชาชีพ วิทยา โพธิ์หลวง ตัวแทนกลุ่ม Nurses connect กล่าวว่า รัฐบาลต้องยอมรับแล้วว่า ตอนนี้ระบบสาธารณสุขมันล้มเหลว และจริงๆ แล้ว ยังไม่เคยได้ยินคำว่าขอโทษเลย ได้ยินแต่คำว่า ไปต่อ สู้ไหว พอรัฐบาลไม่ยอมรับ ความกดดันมันไปที่หน้างาน หน้างานตอนนี้เรารับคนไข้เพิ่มไม่ได้แล้ว เวลาเจอญาติพาคนไข้มา อาการจะไม่ไหวแล้ว แต่ในเมื่อตรงนั้นมันรับไม่ได้แล้ว เพราะคนไข้ COVID-19 ไม่เหมือนคนไข้ปกติที่เราจะไปกู้ชีพตรงไหนก็ได้ เราก็ถูกต่อว่าจากประชาชน
“รัฐบาลต้องยอมรับก่อนว่า มันมาถึงจุดที่ล่มสลายแล้ว เพื่อจะลดแรงกดดันหน้างาน เพราะถ้ารัฐบาลบอกว่า มีเตียง ไหว รับได้อยู่ ประชาชนเขาด่าใคร เขาก็ด่าคนที่หน้างาน ทำไมไม่รักษาก่อน ทำไมไม่รับไปดูแล โทรมากี่ครั้งก็ปฏิเสธว่าไม่มีเตียง ซึ่งหน้างานโดยแบบนี้ทุกวัน จนสุขภาพจิตค่อนข้างแย่ เพราะมันไม่ใช่ความผิดเขา เขาก็ทำงาน 2-3 เท่าจากปกติอยู่แล้ว” ตัวแทนกลุ่ม Nurses connect กล่าว
พญ.ชุตินาถ ชินอุดมพร ตัวแทนจากภาคีบุคลากรทางการแพทย์ กล่าวว่า ตั้งแต่ COVID-19 ระบาดมา 14-15 เดือน ประชาชนได้ทำทุกอย่าง ตั้งแต่การหาซื้อหน้ากากอนามัยเอง ทั้งที่มีราคาแพง หาซื้อเจลแอลกอฮอล์เอง ยอมโดนล็อกดาวน์หลายครั้ง โดยที่มาตรการเยียวยาไม่ชัดเจน หลายคนต้องกระเสือกกระสนหาการรักษาด้วยตัวเอง ภาพเหล่านี้ทั้งหมดเป็นคำตอบแล้วว่าประชาชนช่วยเหลือตัวเองมากที่สุดเลย ไม่มีใครอยากติดโรค ไม่มีใครอยากเจ็บป่วย ดังนั้นทุกคนเข้าใจและเห็นใจบุคลากรทางการแพทย์อยู่แล้ว
“ทุกวันนี้คำพูดของรัฐบาลที่ชอบอ้างว่า อย่าวิจารณ์การแก้ไขปัญหา COVID-19 ต้องเห็นใจบุคลากรทางการแพทย์ ต้องถามกลับไปยังรัฐบาลเอง เป็นที่รัฐบาลเองหรือเปล่า” พญ.ชุตินาถกล่าว
สำหรับการรับมอบวัคซีน Pfizer จำนวน 1.5 ล้านโดส ที่สหรัฐอเมริกาบริจาคให้กับไทยในวันพรุ่งนี้ (30 ก.ค.2564) ที่มีการกำหนดว่า มากกว่า 5 แสนโดสจะถูกฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ถูกจับตาจากหลายๆ ฝ่ายว่าจะเป็นไปได้จริงหรือไม่ เนื่องจากรัฐบาลได้ ‘ปิด’ ข้อมูลการจัดสรรวัคซีน COVID-19 ที่เคยเปิดให้ตรวจสอบอย่างโปร่งใสลงไปเมื่อหลายเดือนก่อน จนทั้งนักวิชาการสื่อ สื่อมวลชน รวมถึงประชาชน และบุคลากรทางการแพทย์ ต้องร่วมกันเข้าชื่อออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ open data ข้อมูลวัคซีน COVID-19 เพื่อสร้างความโปร่งใส แต่ก็ยังไม่ได้รับการตอบสนองจากผู้มีอำนาจ
.
.
อ้างอิงจาก
https://www.facebook.com/thematterco/videos/177440457711886
https://thematter.co/brief/150283/150283
https://thematter.co/brief/150353/150353
#Brief #TheMATTER