หลังจากเอกสารกรมควบคุมโรคที่ระบุเกณฑ์ในการฉีดวัคซีน Pfizer ให้แก่บุคลากรสาธารณสุขออกมา และสังคมพากันตั้งคำถามถึงเกณฑ์ดังกล่าว เมื่อช่วงบ่าย นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานคณะทำงานด้านการบริหารจัดการการให้บริการวัคซีน Pfizer ได้ออกมาชี้แจงประเด็นดังกล่าว
ในประเด็นว่า ทำไมเกณฑ์ที่วางไว้ถึงกลายเป็นฉีด Pfizer ให้เฉพาะบุคลากรที่ได้รับวัคซีน Sinovac สองเข็ม นพ.สุระกล่าวว่า การจัดสรรต้องเป็นไปตามเอกสารวิชาการที่กรมควบคุมโรคเสนอแก่ ศบค.
โดยเอกสารดังกล่าวชี้ว่า วัคซีน Sinovac สองเข็มอาจไม่เพียงพอต่อการแพร่ระบาดในปัจจุบัน ขณะที่บุคลากรอื่นที่ได้รับ AstraZeneca ครบสองเข็ม หรือได้รับ Sinovac แล้วตามด้วย AstraZeneca ได้มีการเตรียมวิจัยเรื่องนี้ไว้แล้ว
ในประเด็นว่า บุคลากรที่ยังไม่ได้รับวัคซีน นพ.สุระชี้แจงว่าอาจเป็นเพราะมีอาการแพ้วัคซีนหลักทั้งสองชนิดที่มีก่อนหน้า (Sinovac และ AstraZeneca) และกำลังสำรวจอยู่ว่ามีกี่ราย แต่ตอนนี้จะเน้นฉีดบูสเตอร์ให้บุคลากรด่านหน้าก่อน
นอกจากนี้ สำหรับบุคลากรการแพทย์ที่ไม่ได้อยู่ด่านหน้า แต่มีโอกาสติดไวรัส นพ.สุระชี้แจงว่าจะพิจารณาจัดสรร แต่ในเบื้องต้นจะฉีดให้แก่บุคลากรด่านหน้าตามเกณฑ์ที่วางไว้ก่อน
และถ้าหากวัคซีนมีเหลือ ทางกระทรวงสาธารณสุขจะพิจารณาเกลี่ยให้กลุ่มอื่นตามที่กำหนดไว้ในเกณฑ์รอบนี้ อาทิ นักเรียนที่จะไปศึกษาต่อต่างประเทศ และถ้าหากเหลือจะนำไปรวมเป็นกองกลางเพื่อจัดสรรให้แก่กลุ่มเสี่ยง อาทิ ผู้มีโรคประจำตัว สตรีตั้งครรภ์ ในพื้นที่เสี่ยง 13 จังหวัด
ทั้งนี้ เอกสารจัดสรรวัคซีน Pfizer จำนวน 1.5 ล้านโดสแบ่งเป็นให้บุคลากรสาธารณสุขด่านหน้า 700,000 โดส โดยมีเกณฑ์ ดังนี้ .
- ได้รับวัคซีน AstraZeneca 2 เข็ม
- ได้รับวัคซีน AstraZeneca เป็นเข็มกระตุ้นเข็มที่ 3 แล้ว
- ได้รับวัคซีน Sinovac 1 เข็ม AstraZeneca 1 เข็ม
- ได้รับวัคซีน Sinovac หรือ AstraZeneca มาเพียง 1 เข็ม
- ได้รับวัคซีนอื่นๆ
อ้างอิง:
https://www.hfocus.org/content/2021/07/22497
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_65391