รัฐบาลไทยยังคงเดินหน้าในการใช้วัคซีน Sinovac เพื่อควบคุมการระบาดของ COVID-19 ในไทยตอนนี้ อย่างไรก็ดี เพิ่งมีงานวิจัยที่ทำขึ้นในไทยระบุว่า ผู้ได้รับการฉีด Sinovac กลับมีค่าภูมิคุ้มกันต่ำกว่าผู้ติดเชื้อแล้วหายเองด้วยซ้ำ
งานวิจัยจากคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ลงในวารสารการแพทย์ The Lancet ระบุว่า วัคซีน Sinovac กระตุ้นภูมิคุ้มกัน และมีการลบล้างต่อ COVID-19 ได้ต่ำกว่าที่ร่างกายได้รับภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้อเองโดยธรรมชาติ
งานวิจัยชิ้นนี้ ที่มีชื่อแปลเป็นไทยว่า “CoronaVac (Sinovac) กระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์กลายพันธุ์ที่น่ากังวลได้ต่ำกว่าการติดเชื้อตามธรรมชาติ” ถูกทำขึ้นผ่านการศึกษาจาก COVID-19 ทั้งสายพันธุ์ดั้งเดิม (อู่ฮั่น) อัลฟา เบตา และเดลตา
งานวิจัยยังระบุถึงความกังวล ต่อการใช้วัคซีน Sinovac ท่ามกลางการระบาดของเชื้อเดลตา ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ออกมาเปิดเผยว่า ครอบคุลมเกิน 90 เปอร์เซ็นต์ของการระบาดทั้งประเทศแล้ว ทั้งนี้ เชื้อเดลตามีอัตราการระบาดที่รวดเร็วกว่า และประสิทธิภาพของวัคซีนยังลดต่ำลงด้วย เมื่อเปรียบเทียบกันระหว่างเชื้อดั้งเดิมกับเชื้อเดลตา
ในเนื้อหาของงานวิจัยได้เสนอว่า ควรมีการฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกัน แทนที่จะให้มีการฉีด Sinovac เพียง 2 โดสเพื่อรับมือกับการระบาดอย่างเดียว เนื่องจากภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีน Sinovac ขึ้นต่ำกว่าการติดเชื้อเองตามธรรมชาติ
งานวิจัยในครั้งนี้ ช่วยตอกย้ำงานวิจัยหลายฉบับ ที่ถูกตีพิมพ์โดยนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก รวมถึงไทยเองที่ว่า วัคซีน Sinovac กระตุ้นภูมิคุ้มกันในการป้องกัน COVID-19 ได้ต่ำมาก จนกระทั่งงานวิจัยชิ้นนี้เพียงเปิดเผยว่า ผู้ฉีดวัคซีน Sinovac แล้ว กลับพบว่ามีค่าภูมิคุ้มกันต่ำกว่าคนติด COVID-19 เองตามธรรมชาติเสียอีก
อ้างอิงจาก
#Brief #TheMATTER
