‘การกินเป็นเรื่องของความตายของสิ่งอื่น เพื่อให้อีกร่างกายหนึ่งอยู่รอด’
อนิเมะรวมถึงการ์ตูนเรื่องสูตรลับตำรับดันเจี้ยน เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่พอเราดูๆ ไปแล้วจะเริ่มรู้สึกว่า ไอ้บรรยากาศสบายๆ การ์ตูนทำอาหารที่สร้างสรรค์ดีด้วยการสร้างโลกแฟนตาซี เป็นการ์ตูนทำอาหารน้ำลายสอ พอเรื่องดำเนินมาถึงจุดสำคัญคือการตามมังกรแดงเจอ เรื่องราวสบายๆ ชวนหัว น้ำลายสอ (แบบแปลกๆ) ในความแฟนตาซีนั้น มันเริ่มดาร์ก และเริ่มมีจุดแปลกๆ ปรากฎขึ้นเรื่อยๆ
*บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาอนิเมะสูตรลับตำรับดันเจียน ตอนที่ 1-19*
ประเด็นสำคัญของสูตรลับตำรับดันเจียนคือ ‘การกิน’ อันที่จริงการกินที่เรากินกันอยู่ทุกวันนี้ การกินที่ดูสะอาด ระเบียบเรียบร้อย ถือได้ว่าเป็นสุนทรียะรูปแบบหนึ่งจากทั้งของสดของแห้งที่ถูกบรรจุมาในหีบห่อและกรรมวิธีที่หมดจดสวยงาม ในความสวยงามของการกินนั้น ส่วนใหญ่การกินของเรามักเกี่ยวข้องกับสิ่งไม่สวยงามที่ถูกทำให้สวยงาม
ถ้าเราพิจาราณาการกิน การกินสิ่งต่างๆ นั้นเต็มไปด้วยกฎเกณฑ์ เรามีสิ่งที่กินได้ กินไม่ได้ ควรทำ หรือควรถูกทำอย่างไร อะไรคือสิ่งที่เราจะสะอิดสะเอียนหรือรับไม่ได้ในการกินนั้นๆ การกินในแง่นี้จึงมีจริยธรรมกำกับ และในจริยธรรมนั้น พื้นที่เช่นโลกของเรื่องแต่งและแฟนตาซีอาจกำลังตั้งคำถามกับเส้นแบ่งของความดีงามหรือความถูกต้อง ซึ่งเชื่อมโยงกับจริยศาสตร์ของในการกินนั้นๆ
ถ้าเรานิยามหัวใจของสูตรลับตำรับดันเจียน นอกจากวิธีการเล่าเรื่องที่ใช้ความเบาสมองและความน่าอร่อยจากภาพการปรุงและความรู้ของ ‘เซนชิ’ ที่นำเอาสิ่งมีชีวิตต่างๆ มาปรุงให้ตัวละครกิน ตัวเรื่องยังค่อนข้างเน้นย้ำถึงปรัชญาการกิน ไปจนถึงใช้ความเป็นแฟนตาซีเล่นกับจริยธรรมของการกินที่ปรากฏอยู่แทบจะตลอด และเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จากความลวงหลอกของความน่ารับประทาน สู่ความน่าขยะแขยงที่เป็นส่วนหนึ่งของการกิน หัวใจที่สำคัญมากๆ ของทั้งเรื่องคือการทำเรื่องต้องห้าม เป็นการกินสิ่งต้องห้ามที่ในที่สุดกำลังพาเราก้าวจากอนิเมะอบอุ่นหัวใจ สู่ก้นบึ้งของความน่าพรั่นพรึง
ว่าด้วยการกิน และความลับในดันเจี้ยน
การกินถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องซับซ้อนและการกินเต็มไปด้วยเรื่องต้องห้าม (taboo) อาดัมกับอีฟถูกสาปจากสวรรค์เพราะการกิน เรื่องราวของการกินของที่ไม่ควรกินหรือการถูกกินเป็นสิ่งที่พูดถึงเสมอในนิทานหรือเทพนิยาย การกินของบางอย่างกลายเป็นตราบาป ความตะกละเป็นหนึ่งในบาปอันยิ่งใหญ่ ในทางกลับการการกินมักเกี่ยวข้องกับการฆ่า การกินเป็นเรื่องของการเอาตัวรอดและการใช้ชีวิตบนเรือนร่างหรือตัวตนของสิ่งอื่นคือเหยื่อที่ถูกเรากินอยู่เสมอ
ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นในดันเจียน คือการกินมอนสเตอร์ต่างๆ นั้น แน่นอนว่าตัวมันเองถูกนิยามหรือเป็นการปฏิบัติที่ยอมรับไม่ได้ของผู้คน เป็นสิ่งที่น่าขยะแขยง แต่ด้วยความสามารถในการปรุงของเซนชิ สิ่งที่เคยถูกมองว่าน่าขยะแขยงนั้นก็กลายเป็นอาหารที่ดึงดูดใจ ทำให้ตัวละครที่รังเกียจขยะแขยงวัตถุดิบในดันเจี้ยนแทบจะตลอดเวลาอย่าง ‘มาร์ซิล’ สุดท้ายแล้วก็มักจบลงที่การต้านทานความหิว ความจำเป็นของการกิน กระทั่งความอร่อยของสิ่งที่ถูกนิยามว่าน่ารังเกียจและไม่ควรกินได้ในทุกๆ ตอน
ปรัชญาของการกินเบื้องต้น ว่าด้วยพลวัตรของพลังอำนาจ การเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อาหาร ผู้ที่ชนะกลืนกินผู้ที่พ่ายแพ้ ผู้ที่แข็งแกร่งกว่ากินผู้ที่อ่อนแอกว่า กระทั่งความคิดที่ลึกซึ้งกว่านั้น เช่น จริยศาสตร์ของการฆ่าฟันที่มนุษย์เราอาจจะฆ่าสิ่งมีชีวิตอื่นๆ การฆ่าเพื่อการดำรงชีวิตต่อไปก็เป็นคำอธิบายที่สำคัญในการฆ่า
การกินในแง่นี้จึงเป็นการคัดง้างความคิดทั่วไปในจักรวาลของเรื่อง ความคิดที่ว่ามอนสเตอร์เป็นสิ่งมีชีวิตอื่นที่น่ารังเกียจ ตรงนี้เองที่ตัวเรื่องเลือกใช้การกินในฐานะอุปมา คือเราอาจมองโลกแฟนตาซีและดันเจียนในฐานะพื้นที่เก็บประสบการณ์ ทำให้แข็งแกร่งขึ้น นอกจากค่าประสบการณ์และตัวเลขต่างๆ แล้ว การกินจึงเป็นอุปมาหนึ่งของการที่คนหรือสิ่งมีชีวิตชนิตหนึ่ง จะนำเอาพลัง กำลังหรือตัวตนของเหยื่อเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของตัวเอง
ในระดับที่ซับซ้อนขึ้น ความเป็นแฟนตาซีและการละเมิดกฎการกินด้วยการกินมอนสเตอร์ ตัวเรื่องค่อนข้างใช้ความเป็นแฟนตาซีในการผลักดันเส้นของความต้องห้ามในการกินไปสู่พื้นที่สีเทาที่ชัดเจนมากขึ้น อันที่จริงเราอาจรู้สึกว่ามาร์ซิลมีความตลกในความขยะแขยงอยู่ตลอดเวลา ทว่าการกินแม้แต่ในโลกของความเป็นจริงนั้นก็เต็มไปด้วยเส้นแบ่งที่เราขีดเส้นไว้ และความขยะแขยงไปจนถึงการอาเจียน เป็นปฏิกิริยาสำคัญของการกินที่เรายอมรับไม่ได้ เช่น เรากินอาหารบางประเภทไม่ได้ กินสัตว์บางชนิดไม่ได้ กินสิ่งที่ปรุงหรือไม่ปรุงไม่ได้
การกินมนุษย์และเส้นแบ่งที่เลือนรางในดันเจียน
ความเป็นแฟนตาซีของดันเจี้ยนจึงค่อยๆ ถูกเอามาทดสอบเส้นแบ่งทางศีลธรรมในการกินสิ่งต่างๆ จากกฏเกณฑ์ที่ว่าเราห้ามกินมอนสเตอร์เลย ไปสู่การลากเส้นว่ามอนสเตอร์แบบไหนที่กินได้บ้าง สิ่งที่ถูกกินจึงเริ่มแปลกประหลาดและเริ่มตอบคำถามได้ยากขึ้นเรื่อยๆ
เส้นแบ่งที่สำคัญที่สุดคือการกินมนุษย์ด้วยกันเอง (cannibalism) ด้วยมอนสเตอร์ที่มีความซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ เช่น พืชท่ีมีลักษณะเหมือนมนุษย์ ไปจนถึงมนุษย์น้ำที่หน้าตาเหมือนเงือก เราจะถือว่าเป็นมนุษย์ไหม อะไรคือเส้นแบ่งของความเป็นมนุษย์หรือความเหมือนมนุษย์ การมีสติปัญญา มีความทรงจำ มีภาษา มีหน้าตารูปร่างเหมือนมนุษย์ อะไรคือสิ่งที่เราจะกินหรือไม่กิน
นอกจากการกินมนุษย์ที่ถือเป็นกฎแทบจะสูงสุดของการกินแล้ว ตัวเรื่องยังเล่นกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ เช่น โลกแฟนตาซีทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่จนมีพยาธิ การกินพยาธิเป็นสิ่งที่ผลักความรู้สึกขยะแขยงขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง หรือในบางสิ่งมีชีวิตเช่นสัตว์ที่หน้าตาเหมือนสัตว์แต่อาจมีความทรงจำหรือความรู้สึกร่วม การกินสิ่งนั้นๆ อาจหมายถึงการกินเชิงพิธีกรรม เป็นการรักษาตัวตนและชีวิตที่ดับสูญไปไว้ในร่างกายของเราก็ได้
ในแง่นี้ การกินและการปรุงอาหาร รวมถึงกิจกรรมอื่นๆ ในดันเจี้ยนของ ‘ไลออส’ จึงค่อนข้างเป็นการทำสิ่งต้องห้าม สิ่งที่จะปรากฏอยู่ได้แค่ในใต้ดินอันเป็นความลับอันลี้ลับเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่แค่การกินที่เป็นเรื่องต้องห้าม ภายหลังสิ่งที่มาร์ซิลและไลออสทำก็เป็นเรื่องต้องห้าม ผลลัพท์ที่เลวร้ายคือความปนเปของตัวตนก็อาจตีความให้สัมพันธ์กับการกินและการถูกกินได้เช่นกัน
ความน่าสะอิดสะเอียนในการกิน
ความพิเศษของสูตรลับตำรับดันเจียนนอกจากจะเป็นการพูดเรื่องดันเจียนในฐานะพื้นที่ห้องห้าม ดินแดนเสี่ยงภัยที่ผลักดันให้มนุษย์ล่วงละเมิดกฎเกณฑ์ต่างๆ ตั้งแต่การกินสิ่งที่ไม่ควรกินถึงการร่ายมนตร์ดำต้องห้ามของมาร์ซิล สิ่งที่ตัวเรื่องทำได้อย่างน่าสนใจคือการเล่นกับความสวยงามและความน่าสะอิดสะเอียนซึ่งที่อยู่ในระนาบของการกิน
การกินส่วนใหญ่ในช่วงต้นของเรื่องมักถูกวาดให้เป็นเรื่องของความรู้ ความพิถีพิถันและความสวยงาม แต่หลายครั้งที่ตัวเรื่องเริ่มให้ภาพทั้งความน่าสยดสยองและความน่าสะอิดสะเอียดประกอบขึ้นกับความสวยงามนั้นๆ เราจะเริ่มเห็นการตาย เห็นเลือด เห็นอวัยวะและบางส่วนของร่างกายที่กระเด็นและร่วงหล่นลงต่อหน้าต่อตา
หนึ่งในฉากที่แสดงความซับซ้อนและความน่าสะอิดสะเอียดของการกินคือผ่าท้องและตะลุยเข้าไปในอวัยวะของมังกรแดงเพื่อนำร่างของ ‘ฟาริน’ ออกมาเพื่อชุบชีวิต การเข้าไปในระบบย่อยอาหารท่ามกลางเลือดและเศษซากศพ ไปจนถึงการค้นพบร่างกายมนุษย์รวมถึงร่างของฟาริน นับเป็นหนึ่งในฉากที่ค่อนข้างสยดสยอง และอันที่จริงแล้ว สิ่งที่น่าสยดสยองนั้นก็คือกระบวนการธรรมดาของการกิน ไม่ต่างอะไรกับร่างกายของเหล่ามนุษย์ที่กินและย่อยสิ่งต่างๆ ที่ถ้าเราแหวกออกมาดู การกินนั้นจะเต็มไปด้วยความน่าขนลุก
ตรงนี้เองที่ตัวเรื่องเริ่มเล่นกับความซับซ้อนของการกินและการถูกกิน ถ้าเรามองทุกการกระทำของไลออสและปาร์ตี้เป็นสิ่งต้องห้าม การร่ายคาถาของฟารินที่กลายเป็นจุดอ่อนให้ฟารินกลายเป็นคิไมร่า หรือสัตว์ประหลาดที่ผสมปนเปตัวตนเข้ากับสัตว์อื่นๆ การรวมกันของตัวตนที่ถูกเร่งโดยมนต์ต้องห้ามก็อาจสะท้อนถึงความซับซ้อนของการกิน ที่ในที่สุดผู้ถูกกินอาจหลอมรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของผู้ที่กินสิ่งนั้นเข้าไป ซึ่งความผิดพลาดของการชุบชีวิต
ด้านหนึ่งก็อาจตีความเชื่อมโยงเข้ากับภาวะการกินและการถูกกินด้วย คือเศษซากและกระดูก รวมถึงการอยู่ภายในกะเพราของมังกรแดง ทำให้ตัวตนของเธอรวมกันและกลายเป็นสิ่งมีชีวิตอื่น เป็นตัวตนต้องห้ามที่มนุษย์และสัตว์อื่นๆ หลอมรวมเข้าด้วยกัน การรวมกันของมนุษย์และสัตว์ถ้ามองในมิติร่วมสมัย นับเป็นอีกหนึ่งคำสาปและฝันร้ายที่เลวร้ายยิ่งของมนุษยชาติ
ความพิเศษของงานประเภทแฟนตาซี ส่วนหนึ่งคือการแสดงภาพที่เคยเป็นนามธรรมให้กลายเป็นรูปธรรมขึ้น หลายครั้งสิ่งที่กลายเป็นรูปธรรมเหล่านั้นถูกนำกลับมาตั้งคำถามกับความเป็นไปในโลกของเรา การกินเองก็เหมือนกัน ในภาพลักษณ์ที่ชวนหัวอย่างความสะอิดสะเอียนของตัวละคร การล้อเล่นกับภาวะที่เหมือนมนุษย์เมื่อมนุษย์ต้องตัดสินใจกินเพื่ออยู่รอด ไปจนถึงกินเพื่อยืนยันการอยู่บนพื้นที่สูงสุดของห่วงโซ่อาหาร หรือกระทั่งการกินในเชิงพิธีกรรมความหมาย
ในโลกที่บอกเราว่านี่คือการ์ตูนทำอาหารอบอุ่นหัวใจ แต่ในความน่ากินทั้งหลายที่ลึกๆ เราเองก็สงสัยในความอยากกิน คือน่ากินแหละ แต่ไม่ควรกินไหม ในเหตุการณ์เรื่องราว ไปจนถึงการปฏิบัติอันละเอียดละไมของเซนชิ ความอยากกินที่ไม่สิ้นสุดของไลออน ความขยะแขยงที่พ่ายแพ้ต่อความต้องการพื้นฐานของมาร์ซิล ไปจนถึงการผลักดันขอบเขตของจริยธรรมความถูกต้องที่ถูกท้าทายไปเรื่อยๆ จากการกินพืชหน้าตาเหมือนมนุษย์ สู่การปลุกชีวิตด้วยสิ่งที่ต้องห้ามกว่า หรืออาจก้าวไปถึงการกะเกณฑ์ตัวตนของคนที่รัก และการตัดสินใจลงมือสังหาร
ทั้งหมดนี้คือพลังของความแฟนตาซีที่หลอกเราว่าดูง่ายๆ สบายๆ แต่ให้ความรู้สึกแปลกๆ และอาจพาเราย้อนตั้งคำถามกับเส้นแบ่งของสิ่งต่างๆ โดยเฉพาะในกิจกรรมที่เราทำอยู่ทุกวัน คือการกิน
อ้างอิงจาก
monstrousindustry.wordpress.com