หลังจากภาคประชาชนผลักดันกันมานานหลายปี กระทั่งต้องรอให้เกิดคดีใหญ่สะเทือนสังคมไม่นานมานี้
ในที่สุด สภาผู้แทนราษฎรก็มีมติ 365:0 เสียง เห็นชอบในวาระแรก รับหลักการร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมาน และการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. …. หรือเรียกสั้นๆ ว่า ‘ร่าง พ.ร.บ.ป้องกันการทรมานและอุ้มหาย’ ทั้ง 4 ฉบับ โดยให้ร่างที่รัฐบาลเสนอเป็นร่างหลัก และอีก 3 ร่าง ซึ่งเสนอโดย คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน (กมธ.กฎหมาย) สภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาชาติ และพรรคประชาธิปัตย์ เป็นร่างประกบ
พร้อมกับตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ (กมธ.วิสามัญ) ขึ้นมาพิจารณาร่างกฎหมายนี้ จำนวน 25 คน โดยในนั้นมีสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด, นพ.ทศพร เสรีรักษ์, อังคณา นีละไพจิตร รวมอยู่ด้วย กำหนดระยะเวลาแปรญัตติ 7 วัน
โดยขั้นตอนหลังจากนี้ หาก กมธ.วิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว จะนำกลับมาพิจารณาในที่ประชุมสภาฯ วาระสอง (รายมาตรา) และวาระสาม (ทั้งฉบับ) หากผ่านความเห็นชอบ ก็จะส่งให้ที่ประชุมวุฒิสภาพิจารณาต่อไป
สาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ป้องกันการทรมานและอุ้มหาย ทั้ง 4 ฉบับจะใกล้เคียงกัน คือมุ่งกำหนดโทษกรณีของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่กระทำการทรมาน อุ้มหาย หรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ (แต่ร่างรัฐบาลไม่มีเนื้อหานี้) โดยแบ่งระดับความรุนแรงของโทษตามผลกระทบกับเหยื่อ หากได้รับอันตรายสาหัสหรือเสียชีวิต โทษจะยิ่งรุนแรงขึ้น สูงสุดคือจำคุกตลอดชีวิต นอกจากนี้ยังกำหนดโทษของผู้บังคับบัญชากรณีที่รับรู้แต่ไม่ยับยั้งเอาไว้ด้วย
ปัญหาของการใช้อำนาจรัฐมีมาตลอดประวัติศาสตร์การเมืองไทย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีประชาชน นักเคลื่อนไหว นักกิจกรรม ผู้นำศาสนา ผู้นำชุมชน ฯลฯ ถูกอุ้มหายไป (เชื่อว่าเจ้าหน้าที่รัฐเป็นผู้กระทำ) ครั้งแล้วครั้งเล่า และส่วนใหญ่จะนำตัวคนผิดมาลงโทษไม่ได้
อ้างอิงข้อมูลจาก
https://www.thairath.co.th/news/politic/2195163
https://www.bbc.com/thai/thailand-58567063
https://thematter.co/social/prevent-forced-disappearance-act/144915
https://thematter.co/quick-bite/enforced-disappearance-and-torture-cases/153469
#Brief #TheMATTER