เช้านี้ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์มีการจัดงานรำลึกเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ครบรอบ 45 ปีที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่รัฐสังหารหมู่นักศึกษาและประชาชนกลางมหาวิทยาลัยฯ โดยมีการจัดปาฐกถาเพื่อรำลึกถึงความสูญเสียครั้งใหญ่ของประเทศไทย ซึ่งหนึ่งในผู้ที่ขึ้นปาฐกถาคือ ทนายกฤษฎางค์ นุตจรัส นักกิจกรรมในเหตุการณ์ 6 ตุลา ปี 2519
ทนายกฤษฎางค์ได้ขึ้นมาพูดถึงความสำคัญของการรำลึกเหตุการณ์นองเลือดที่เกิดขึ้น และเรียกร้องความยุติธรรมกับเหตุการณ์นี้
เหตุผลประการแรก ทนายกฤษฎางค์ระบุว่า ตั้งแต่อดีต ถึงปัจจุบัน ทั้งผู้บาดเจ็บ ผู้เสียชีวิต และผู้ถูกรังแกจากเหตุการณ์ยังไม่ได้รับความเป็นธรรม “ผมมองว่าเลือดเนื้อผู้เสียชีวิตมีความสำคัญเพียงพอที่รัฐจะขอโทษ”
ประการที่ 2 การสังหารหมู่ที่สนามฟุตบอลธรรมศาสตร์ เมื่อ 45 ปีก่อนนั้น ถือเป็นเป็นอาชญากรรมทางการเมือง ที่ผู้ก่อต้องได้รับการลงโทษ
และประการสุดท้าย ทนายกฤษฎางค์ชี้ว่า การนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษ เป็นหมุดหมายสำคัญ ที่จะทำให้ลูกหลานของเราไม่ถูกกระทำด้วยความอยุติธรรมอีกต่อไป
“เราจะต้องนำตัวคนผิดในเหตุการณ์มาลงโทษ ไม่ว่าจะลงโทษทางสังคม ถึงคุณจะตายไปแล้ว ก็ต้องถูกจดจำว่าเป็นผู้กระทำความผิด รางวัล ยศ ต้องถูกถอดถอน”
“เราจะนำตัวผู้บงการ เหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ไปขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะทำสำเร็จปีนี้ ปีหน้า หรืออีก 45 ปี เราจะไม่ปล่อยให้ประวัติศาสตร์จบลงแค่ 6 ตุลา 2519 แน่”
ทนายกฤษฎางค์ยังชี้ให้เห็นในเชิงกฎหมายว่า เหตุการณ์นี้ ถือเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ การสังหารหมู่ทางการเมือง และกรณี 6 ตุลา มีความตรงตามที่ธรรมนูญของศาลอาญาระหว่างประเทศตกลงไว้ คดีนี้ไม่มีอายุความตามข้อตกลงระหว่างประเทศ เหตุการณ์นี้เราเอาตัวคนผิดมาลงโทษได้ แม้รัฐไทยไม่เคยให้สัตยาบัน แต่เป็นภาคีอยู่ด้วย
“ฆาตกรไม่มีการพ้นกระบวนการยุติธรรมสากลนี้ได้แน่นอน วีรชน 6 ตุลาและผู้เรียกร้องประชาธิปไตยที่เสียเลือดเนื้อ และชีวิต ทำสิ่งที่ยากกว่าที่เราทำ” ซึ่งผู้กล่าวปาฐกถาย้ำว่า การเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายเป็นสิ่งที่เราต้องทำให้ได้
“ความอยุติธรรมในกระบวนการยุติธรรมของไทย เป็นสิ่งที่เราทราบดี ก่อนจบขอระลึกสิ่งที่วีรชน 6 ตุลาได้ทำ ที่สำคัญที่สุด ขอเรียกร้องให้เราคิดถึงน้องๆ เหล่านี้อย่างเพนกวิน อานนท์ ไมค์ หรือน้องๆ ที่ไม่ได้เอ่ยชื่อ ถูกกักขังด้วยกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม ไม่ได้ต่อสู้เพื่อสิทธิของตัวเอง เยาวชนเหล่านี้ยังคงเผชิญสิ่งที่วีรชนตุลาเจอเมื่อ 45 ปีที่แล้ว” ทนายกฤษฎางค์ทิ้งท้าย