เรื่องผลข้างเคียงจากวัคซีนยังเป็นประเด็นที่ต้องจับตากันอยู่เรื่อยๆ โดยล่าสุด หน่วยงานกำกับดูแลด้านยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพของสหราชอาณาจักร (MHRA) ประกาศเพิ่มโรคกลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เร (Guillain Barre syndrome) เป็นหนึ่งในผลข้างเคียงที่พบได้ ‘ยากมาก’ จากการฉีดวัคซีน AstraZeneca
โรคกลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เร (Guillain Barre syndrome : GBS) จัดอยู่ในกลุ่มภาวะภูมิคุ้มกันแปรปรวนที่พบได้ค่อนข้างยาก ตามปกติโรคนี้จะเกิดขึ้นจากระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ และผลิตแอนติบอดีออกมาทำลายเซลล์ประสาท ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกอ่อนแรง มึนงง และหากอาการรุนแรงอาจทำให้กลายเป็นอัมพาตท้ายที่สุด
ก่อนหน้าที่หน่วยงานยาฯ สหราชอาณาจักรจะพิจารณาเพิ่มกลุ่มอาการดังกล่าวในผลข้างเคียงของวัคซีน AstraZeneca เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา องค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (EMA) ก็ได้เพิ่มโรค GBS เป็นผลข้างเคียงที่หายากมากของวัคซีน AstraZeneca เช่นกัน
โดยองค์การยายุโรป เปิดเผยว่า ความเชื่อมโยงระหว่างการฉีดวัคซีน AstraZeneca กับการเกิดอาการ GBS นั้นมีอยู่จริง แต่เป็นผลข้างเคียงที่พบยากมาก เนื่องจากข้อมูลสถิติเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมเผยให้เห็นว่า จากจำนวนการฉีดวัคซีน 592 ล้านโดสทั่วโลก พบผู้ป่วย GBS เพียง 833 รายเท่านั้น ทำให้การฉีดวัคซีนนั้นเป็นมีประโยชน์มากกว่าโอกาสเสี่ยงในการเกิดโรคดังกล่าว
ไม่เพียงแต่วัคซีน AstraZeneca เท่านั้นที่พบผลข้างเคียงโรค GBS ก่อนหน้านี้ในเดือนกรกฎาคม สำนักงานอาหารและยาแห่งชาติสหรัฐฯ (FDA) ก็ออกมาเตือนว่าการฉีดวัคซีน Johnson & Johnson ก็มีโอกาสเกิดอาการดังกล่าวได้เช่นกัน แต่เป็นโอกาสที่ ‘น้อยมากๆ’
จากข้อมูลการฉีดวัคซีน Johnson & Johnson 12.8 ล้านรายในสหรัฐฯ ในขณะนั้น มีผู้ป่วย GBS เพียง 100 รายเท่านั้น แต่ 95 รายที่มีอาการรุนแรง และมี 1 รายเสียชีวิต ผู้เชี่ยวชาญหลายคนจึงออกมาเตือนว่า หากฉีดวัคซีนและพบว่ามีอาการเข้าข่ายโรคดังกล่าว ควรรีบนำตัวส่งโรคพยาบาล
อ้างอิงจาก
#Brief #TheMATTER