การประชุม COP26 กำลังเดินหน้าต่อไป เพื่อหาทางยุติการเพิ่มตัวของอุณหภูมิเฉลี่ยโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส โดยกว่า 190 ชาติและองค์กรเพิ่งสัญญาว่า พวกเขาจะยุติการใช้พลังงานถ่านหินในอนาคต อย่างไรก็ดี คำสัญญาดังกล่าวกลับไม่มี ออสเตรเลีย อินเดีย จีน และสหรัฐฯ ร่วมด้วย
การใช้พลังงานถ่านหินนั้น ถือได้ว่าเป็นส่วนใหญ่และส่วนสำคัญ ต่อก๊าซเรือนกระจกที่ถูกปล่อยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ ด้วยเหตุนี้ 190 ชาติและองค์กรเพิ่งสัญญาว่า พวกเขาจะยุติการใช้พลังงานถ่านหินในอนาคต ผ่านการลงนามในข้อตกลง ที่สัญญาว่าจะไม่มีการลงทุนในการใช้พลังงานถ่านหิน ทั้งในระดับประเทศ และระดับระหว่างประเทศ
อย่างไรก็ดี การลงนามดังกล่าวกลับไม่มี ออสเตรเลีย อินเดีย จีน และสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเทศที่ใช้พลังงานถ่านหินเป็นอันดับต้นๆ ของโลก เข้าร่วมการลงนามด้วย ในขณะที่มีผู้ลงนามเป็นรัฐประเทศกว่า 40 รัฐ เช่น โปแลนด์ เวียดนาม และชิลี จาก 18 ประเทศ ที่ตกลงว่าพวกเขาจะไม่สร้างหรือลงทุน ในการใช้พลังงานถ่านหินใหม่ๆ เป็นครั้งแรก
ข้อตกลงได้วางการเลิกใช้พลังงานถ่านหิน ภายในทศวรรษที่ 2030 สำหรับประเทศที่มีฐานเศรษฐกิจขนาดใหญ่ และในช่วงทศวรรษที่ 2040 สำหรับประเทศยากจน “โลกของเรากำลังเคลื่อนตัวไปในทิศทางที่ถูกต้อง จากการเตรียมพร้อมในการยุติการใช้ถ่านหิน และโอบรับผลประโยชน์ทางธรรมชาติและเศรษฐกิจ จากการสร้างอนาคตผ่านพลังงานสะอาด” ตัวแทนจากรัฐบาลสหราชอาณาจักรระบุ ในฐานะเจ้าภาพการประชุม COP26 ที่จัดขึ้นในกลาสโกว์ สก็อตแลนด์ครั้งนี้
การไม่เข้าร่วมการให้สัญญายุติการใช้ถ่านหินของประเทศยักษ์ใหญ่อย่าง จีน อินเดีย และสหรัฐฯ ส่งสัญญาณว่า พวกเขาจะยังคงเดินหน้าการใช้พลังงานถ่านหินในประเทศต่อไป เนื่องจากพลังงานเชื้อเพลิงจากถ่านหิน เป็นส่วนสำคัญต่อการทำอุตสาหกรรมของประเทศ แต่กลับปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้แก่โลกทั้งใบ เป็นอัตรามากกว่าประเทศอื่นๆ ที่ร่วมลงนามการยุติการใช้พลังงานถ่านหิน
จากสถิติในปี 2019 นั้น พลังงานถ่านหินมีส่วนในการผลิตไฟฟ้าทั่วโลกกว่า 37 เปอร์เซ็นต์ การตัดสินใจยุติการใช้พัลงงานถ่านหินของประเทศที่มีฐานเศรษฐกิจขนาดใหญ่ดังกล่าว จึงอาจไม่ใช่เรื่องง่าย ในขณะที่การตัดสินใจจะใช้พลังงานถ่านหินต่อไปของพวกเขา อาจทำให้เป้าหมายการคงอุณภูมิเฉลี่ยโลก ไม่ให้พุ่งสูงขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส ล้มเหลวลงอย่างไม่เป็นท่าก็ว่าได้
อ้างอิงจาก
https://www.bbc.com/news/science-environment-59159018
#Brief #TheMATTER
