จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้จัดงานเสวนา Chula The Impact แถลงความคืบหน้าของวัคซีน ChulaCov19 และวัคซีนใบยา ซึ่งผลการดำเนินงานของวัคซีนทั้ง 2 ตัวนั้นน่าสนใจมาก จากการทดลองเฟส 2 ของวัคซีน ChulaCov19 พบมีประสิทธิภาพเทียบเท่า Pfizer ขณะที่วัคซีนใบยาเตรียมเริ่มทดลองวัคซีนในมนุษย์เฟสแรกในปลายปีนี้
ศ.นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม ผู้อำนวยการบริหารโครงการพัฒนาวัคซีน COVID-19 ศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ เป็นตัวแทนทีมวิจัยมาอธิบายความคืบหน้าการทดลองวัคซีน ChulaCov19 โดยเล่าว่า ทีมวิจัยได้เริ่มการศึกษาวัคซีนตั้งแต่ช่วงแรกของการระบาด และได้เริ่มทดลองในสัตว์ช่วงเดือนเมษายน ซึ่งผลการทดลองออกมาน่าพึงพอใจ ทีมวิจัยจึงได้ประสานงานกับบริษัทต่างชาติเพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีมาผลิตในประเทศไทย จากนั้นจึงได้เริ่มการทดสอบในคนช่วงกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
สำหรับการทดสอบในเฟสแรก มีการทดลองกับอาสาสมัคร 2 กลุ่มคือกลุ่มอายุ 18-55 ปี และ 56-75 ปี ซึ่งผลสอบออกมาอยู่ในเกณฑ์ดี วัคซีนมีความปลอดภัย มีอาการข้างเคียงไม่รุนแรง มีเพียงเป็นไข้ ปวดเมื่อย อ่อนเพลีย นอกจากนี้ยังกระตุ้นแอนติบอดี กระตุ้นทีเซลล์ได้สูงมากในระดับที่ต่อให้เจอเชื้อข้ามสายพันธุ์ก็ยังสามารถป้องกันได้
จากนั้นจึงมีการทดสอบเฟส 2 กับอาสาสมัคร 150 คนซึ่งมีอายุระหว่าง 18-59 ปี ซึ่งพบว่าวัคซีนสามารถกระตุ้นแอนติบอดีได้สูงถึงระดับหมื่นในระยะเวลา 1 เดือนหลังฉีดเข็มที่ 2 นอกจากนี้ยังพบว่าแอนติบอดีที่ได้รับการกระตุ้นจากวัคซีนยังไปจับกับตำแหน่งโปรตีนที่ทำหน้าที่ในการจับตัวรับบนผิวเซลล์ (RBD) ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งวัคซีนยังกระตุ้นทีเซลล์ได้สูงมาก สูงกว่าวัคซีน Pfizer ประมาณ 2 เท่า และแม้ระดับภูมิจะตกลงมาหลังฉีด 1 เดือน ก็ยังอยู่ในระดับเดียวกับการฉีดวัคซีน Pfizer 2 เข็มครบ 1 สัปดาห์
ซึ่งหลังจากนี้ ทีมวิจัยจะเริ่มทดลองวัคซีนในเฟส 3 กับมนุษย์ โดยตอนนี้ได้เริ่มผลิตวัคซีนในไทย และบรรจุลงขวดแล้ว อยู่ระหว่างรอตรวจประกันคุณภาพ หากทุกอย่างเป็นไปตามแผน คาดว่าจะเริ่มฉีดวัคซีนได้ช่วงต้นปี จากนั้นจะมีการเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อขึ้นทะเบียนอนุมัติใช้ในกรณีฉุกเฉินเช่นเดียวกับวัคซีนหลายๆ ตัวที่ใช้ในไทยปัจจุบัน
ส่วนวัคซีนใบยา ผศ.ภญ.ดร.สุธีรา เตชคุณวุฒิ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ CEO บริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันอยู่ระหว่างช่วงทดสอบกับอาสาสมัครในเฟสแรกจำนวน 96 คนที่มีอายุ18-60 ปี ซึ่งได้ฉีดวัคซีนไปล้ว และต้องรอเก็บทดลอง 50 วันซึ่งปัจจุบันยังไม่ครบกำหนด แต่เท่าที่ติดตามผลฉีดวัคซีนเบื้องต้น พบว่าวัคซีนมีความปลอดภัย และสามารถกระตุ้นภูมิได้ดี
หลังจากนี้ จะมีการเปิดรับอาสาสมัครเพิ่มเติมเป็นกลุ่มอายุระหว่าง 61-75 ปีเพื่อให้การศึกษาวัคซีนมีความครอบคลุมคนทุกกลุ่มวัยมากขึ้น นอกจากนี้ ดร.สุธีรายังบอกอีกว่าทีมใบยากำลังผลิตวัคซีนเจเนอร์เรชั่น 2 เพื่อเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกวัคซีน ซึ่งอยู่ระหว่างเตรียมการทดสอบในมนุษย์ เมื่อได้ผลการฉีดวัคซีนทั้ง 2 รุ่นจะมีการนำมาเปรียบเทียบเพื่อนำวัคซีนตัวที่ดีที่สุด ไปฉีดให้อาสาสมัครในการทดสอบเฟสที่ 2 ต่อไป
ดร.สุธีราคาดการณ์ว่าในช่วงไตรมาสที่ 3-4 ของปีหน้า วัคซีนใบยาของจุฬาฯ น่าจะเริ่มออกมาให้ชาวไทยได้ใช้กัน ส่วนรูปแบบการฉีดจะต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม เพื่อให้เหมาะกับสถานการณ์การระบาด และแนวทางการฉีดวัคซีนในขณะนั้น (ทำความรู้จักวัคซีนใบยาเพิ่มเติมได้ที่ https://thematter.co/brief/150151/150151 )
นอกจากประเด็นประสิทธิภาพ ภายในงานเสวนายังได้พูดถึงความท้าทายในการพัฒนาวัคซีน ความเป็นจำของการผลิตวัคซีนด้วยมือคนไทยโดยไม่ต้องพึ่งต่างชาติ และการจัดสรรงบประมาณสำหรับพัฒนาวัคซีน ซึ่งหากใครสนใจเนื้อหาเพิ่มเติม สามารถตามไปฟังงานเสวนาเต็มๆ ได้ที่ https://web.facebook.com/ChulalongkornUniversity/videos/440958164330925
#Brief #TheMATTER