ระบบสอบเอนทรานซ์ของจีน หรือ ‘เกาเข่า’ ขึ้นชื่อว่าเป็นระบบการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ยากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก จนมันทำให้ชายคนหนึ่งในวัย 33 ปี ต้องสอบกว่า 13 ครั้ง เพราะเขาหวังว่าจะสามารถเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศได้
ถาง ชางจุน อายุ 33 ปี จากเขตปกครองตนเองกวางสีจ้วง สอบติดมหาวิทยาลัยกวางสีของจีน ผ่านระบบเกาเข่า แต่แค่นั้นยังไม่เพียงพอ เพราะที่ผ่านมาเขาสอบเกาเข่ากว่า 13 ครั้ง หลังจากการสอบในแต่ละครั้งของเขา มีผลลัพธ์คะแนนที่เพิ่มสูงมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเป้าหมายของถางก็คือ การเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยชิงหวา ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศ
อย่างไรก็ดี ความพยายามกว่า 13 ครั้งของถาง กลับสะท้อนภาพออกมาเป็นคำวิพากษ์วิจารณ์ ถึงระบบเข้ารับการศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยของจีน ที่ชาวโซเชียลมองว่าระบบเกาเข่า ทำให้ชีวิตของเด็กทั้งคน เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ ถ้าหากพวกเขาผิดพลาดในการเตรียมตัวเข้าเรียนต่อ ในขณะที่ครอบครัวซึ่งมีทรัพยากรมากพอ กลับสามารถส่งบุตรหลานเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยดีๆ ได้อย่างสบายๆ
ความพยายามกว่า 13 ครั้งของถาง เพื่อที่จะเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ สะท้อนภาพชีวิตของถางที่ไม่มีโอกาสเท่าลูกคนรวยมากนัก เพราะถางเกิดในครอบครัวชาวนาในกวางสี โดยในการสอบเกาเข่าครั้งแรกของถาง เขาระบุว่าตัวเองไม่สามารถทำโจทย์เลขในข้อสอบได้ เนื่องจากระดับการศึกษาที่ไม่เท่าเทียม ทำให้เขาสามารถเข้าเรียนได้แค่ในมหาวิทยาลัยคุณภาพต่ำของประเทศเท่านั้น
ถางเลือกที่จะไม่เข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยคุณภาพต่ำ และเลือกเข้าเรียนต่อในระดับมัธยมเป็นเวลาอีก 7 ปี และสอบเกาเข่าอีก 7 ครั้ง เขาคอยเก็บความลับจากที่บ้านเรื่องการสอบไม่ติดมหาวิทยาลัยดัง จนกระทั่งเขาสอบติดมหาวิทยาลัยรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ของจีน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งมหาวิทยาลัยชั้นนำ เขาจึงเปิดเผยต่อครอบครัวว่า เขาปิดบังเรื่องการสอบไม่ติดมาโดยตลอด หลังจากนั้น เขาลาออกจากมหาวิทยาลัยเดิม เพื่อสอบเกาเข่าใหม่อีก โดยเขาตั้งเป้าหมายที่จะได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยชิงหวาให้ได้ในปีหน้า
ถางเลือกจะเข้าเรียนในโรงเรียนรับติวสอบเกาเข่า เพื่อให้เขาทำคะแนนสอบให้ได้มากพอจะสามารถยื่นเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยชิงหวาให้ได้ โดยขณะที่ถางเตรียมตัวสอบเกาเข่าใหม่ เขาเลือกจะทำงานพาร์ทไทม์ เพื่อหารายได้มาจุนเจือตัวเองและครอบครัว ถึงแม้เขาจะให้สัมภาษณ์ว่า รายได้ของเขาอาจจะดีกว่านี้ หากเขาเลือกทำงานประจำ และล้มเลิกเป้าหมายการสอบติดมหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศ
เรื่องราวความพยายามของถางถูกโพสต์ และส่งต่อเป็นวงกว้างบน Weibo เว็บไซต์โซเชียลมีเดียใหญ่ของจีน โดยมันมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างกันออกไป บางฝ่ายชมความพยายามของถาง ในขณะที่จำนวนไม่น้อยมองว่า เรื่องดังกล่าวสะท้อนภาพระบบการศึกษาของจีน โดยเฉพาะการที่โรงเรียนมัธยมปลูกฝังค่านิยมให้แก่เด็กว่า การเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ เท่ากับการประสบความสำเร็จในชีวิต ในขณะที่หลายฝ่ายกล่าวเสริมว่า ผู้ปกครองและสังคมจีน ควรเลิกกดดันเด็กให้เรียนหนักมากขึ้น เพื่อการเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยชื่อดัง
อ้างอิงจาก
https://thematter.co/thinkers/one-of-hardest-admission-in-the-world/78349
#Brief #TheMATTER