เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ออกมาเคลื่อนไหวเรื่องยารักษา COVID-19 สำหรับ AstraZeneca ที่ออกมาเผยผลทดลองยา AZD7442 เฟส 3 พบมีประสิทธิภาพลดความเสี่ยงในการเกิดอาการรุนแรงได้ถึง 83%
AZD7442 เป็นยาแอนติบอดีออกฤทธิ์ยาวชนิดฉีดเข้ากล้ามเนื้อ (LAAB) ที่ผสมยา LAAB สองชนิด ได้แก่ tixagevimab (AZD8895) และ cilgavimab (AZD1061) ซึ่งมาจากบีเซลล์ที่ได้รับการบริจาคจากผู้ที่เคยป่วยจากเชื้อไวรัส COVID-19
บริษัทพรูฟเวนท์ (PROVENT) และแท็คเคิล (TACKLE) ทำหน้าที่ศึกษาประสิทธิภาพของยาในเฟสที่ 3 นี้ โดยพรูฟเวนท์ได้ประเมินผลจากอาสาสมัครที่ร่วมโครงการทดสอบทั้งหมด 5,172 คน ในระยะเวลา 6 เดือน ก่อนจะพบว่าการฉีดยา AZD7442 ขนาด 300 มิลลิกรัมเข้ากล้ามเนื้อสามารถลดความเสี่ยงการเกิดโรค COVID-19 แบบมีอาการได้ถึง 83% เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้รับยาหลอก
ข้อดีของยา AZD7442 คือถูกพัฒนาขึ้นโดยมีเป้าหมายฉีดให้ประชาชนกลุ่มเปราะบางที่มีโรคประจำตัว หรือมีเงื่อนไขทางร่างกายอื่นๆ ที่ไม่เหมาะกับการใช้วัคซีน COVID-19 มากนัก โดยอาสาสมัคร 75% ที่ร่วมทดสอบของพรูฟเวนท์นั้นเป็นผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง และมีโรคประจำตัว ทำให้ร่างกายกระตุ้นภูมิคุ้มกันจากวัคซีนได้น้อยกว่าคนทั่วไป ซึ่งจากการศึกษาล่าสุดตลอด 6 เดือนนี้ไม่พบผู้ใช้ยา AZD7442 คนใดมีอาการป่วยรุนแรง หรือเสียชีวิตจาก COVID-19
ขณะที่การศึกษาจากแท็คเคิล ซึ่งวิเคราะห์ข้อมูลจากผู้ป่วย COVID-19 ที่แสดงอาการน้อยถึงปานกลางจำนวน 903 คน พบว่าเมื่อใช้ยา AZD7442 ขนาด 600 มิลลิกรัมฉีดเข้ากล้ามเนื้อ สามารถลดความเสี่ยงการเกิดอาการป่วยรุนแรงและเสียชีวิตได้ถึง 88% และเช่นเดียวกับการศึกษาของพรูฟเวนท์ ผู้เข้าร่วมการทดลองแท็คเคิล (TACKLE) 90% เป็นกลุ่มเปราะบาง และมีความเสี่ยงสูงในการเกิดโรครุนแรงหากติดโรค COVID-19
ข้อมูลเหล่านี้แสดงให้เห็นว่ายา AZD7442 มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันสูง และมีประสิทธิภาพยาวนานถึง 6 เดือน อีกทั้งยังทำงานได้ดีกับประชาชนกลุ่มเปราะบางที่มีเงื่อนไขในการรับวัคซีน COVID-19 แตกต่างจากคนทั่วไป
เมเน แพนกาลอส รองประธานบริหารฝ่ายวิจัยและพัฒนาด้านยาชีวเภสัชภัณฑ์ (Biopharmaceuticals) ของ AstraZeneca บอกว่า ข้อมูลใหม่นี้ถือว่าเป็นข้อมูลสำคัญในการยืนยันว่า AZD7442 สามารถที่จะป้องกัน และรักษา COVID-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเรากำลังดำเนินการยื่นเอกสารขออนุมัติขึ้นทะเบียนยานี้ทั่วโลก
โดยเมื่อวันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา AstraZeneca ได้ยื่นขอขึ้นทะเบียนใช้ยากับองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ (FDA) แล้ว พร้อมทั้งกำลังดำเนินการยื่นเอกสารไปที่องค์กร อย.ทั่วโลกเพื่อขอขึ้นทะเบียน AZD7442 เช่นกัน