ช่วงต้นเดือนธันวาคม ของปีที่ผ่านมา ชาวจะนะ นำโดย ‘กลุ่มจะนะรักษ์ถิ่น’ ได้เดินขึ้นมายังกรุงเทพฯ เพื่อเรียกร้องให้คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบยุติโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะไว้ชั่วคราว เนื่องจากโครงการดังกล่าว มีการดำเนินการที่บิดเบี้ยว และไม่เป็นที่ยอมรับของคนในพื้นที่หลายๆ คน ซึ่งในตอนนั้น รัฐบาลก็รับปากว่าจะทบทวนโครงการ และยกเลิกมติ ครม.ไปก่อน แต่ 1 ปีผ่านไป รัฐบาลกลับไม่ทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้ ทำให้ตอนนี้ ไครียะห์ ระหมันยะ ลูกชาวประมงจากอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ตัดสินใจขึ้นมานั่งบริเวณทำเนียบรัฐบาล เพื่อทวงสัญญาอีกครั้ง
วันนี้ (30 พ.ย.64) ถือเป็นวันที่ 2 ที่ไครียะห์ มาพร้อมป้ายข้อความต่างๆ และมานั่งฝั่งตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่เวลา 16.00 น. และจะนั่งถึง 18.00 น. ของทุกวัน เพื่อเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และรัฐบาล รับฟังเสียงของเธอ ในฐานะตัวแทนชาวจะนะ ไครียะห์ ให้สัมภาษณ์กับ The MATTER ถึงเหตุผลที่กลับมาเรียกร้องอีกครั้งว่า “คำสัญญาที่รัฐบาลให้เราเมื่อ 1 ปีที่แล้ว ว่าจะทบทวนโครงการ ว่าจะยกเลิกมติ ครม.ไปก่อน และมาเริ่มนับ 1 กันใหม่นั้นไม่เป็นไปตามสัญญา”
“จะนะไม่ได้ปฏิเสธการพัฒนา แต่เขาขอแค่ได้ออกไปพัฒนาของเขาเอง มาออกแบบคณะกรรมการร่วมกัน โดยการจัดตั้งคณะกรรมการ SCA ที่ทั้งสองฝ่ายเป็นที่ยอมรับกันได้ มาประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมทางยุทธศาสตร์ระดับจังหวัด ประเมินว่าทรัพยากรมันมีดีแค่ไหน และเราจะสามารถพัฒนาสิ่งที่มีดีอยู่แล้ว พัฒนาเพิ่มยังได้อีกบ้าง ซึ่งรัฐบาลก็รับโจทย์นี้ไว้แล้วเมื่อ 1 ปีที่แล้ว แต่พอ 1 ปีผ่านไป กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราเลยต้องกลับมาถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เมื่อพื้นที่บ้านของหนูกำลังจะมีพื้นที่รับฟังความคิดเห็น วันที่ 13 ธันวา-23 ธันวา 64 จะมีกระบวนการ EHIA, EIA เปลี่ยนผังเมืองจากสีเขียวเป็นสีม่วง คือเราพูดกันไว้แล้ว ว่าจะมีการออกแบบการพัฒนาร่วมกัน แต่ทำไมวันนี้มันยังเกิดกระบวนการเดิมๆ ซ้ำๆ อีก” เธอตั้งคำถาม
ไครียะห์ย้ำกับเราว่า ตลอด 1 ปี รัฐบาลไม่ได้ทำตามที่สัญญาไว้ ไม่ได้ทำอะไรเลยซักอย่าง และไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย “ในพื้นที่ ท่ามกลางสถานการณ์ COVID-19 ชาวบ้านช่วยเหลือกันเองตามฐานทรัพยากรที่มีอยู่ ขณะที่รัฐบาลไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการมาช่วยเหลือชาวบ้านเลย เราก็ต้องมาทวงสัญญาเดิม แต่ครั้งนี้ต้องมีคำสั่งจากนายกฯ หรือว่ามีมติจากคณะรัฐมนตรีออกมาว่า จะให้จะนะ มานับ 1 กันใหม่ และมาประเมินการทำ SCA กันใหม่แบบที่หนูบอก”
ลูกสาวแห่งทะเลจะนะบอกกับเราว่า 1 ปี ที่รัฐบาลไม่ทำตามสัญญานั้น ทำให้เธอ และชาวบ้านรู้สึกเหมือนโดนหลอก “การทวงสัญญาครั้งนี้ รัฐบาลต้องมีแอคชั่นมากกว่าปีที่แล้วแล้ว เพราะตอนนี้ชาวบ้านก็กลัวว่าจะโดนหลอกกันอีก มันเหมือนกับหลอกชาวบ้านรึเปล่า ที่เราต้องการแบบนี้เพื่อให้มันเป็นเรื่องเป็นราวสักที เพราะนี่มันหมายถึงชีวิตของชาวบ้านเขาเลย อย่าเล่นกับชีวิตชาวบ้าน อย่าคิดว่าชาวบ้านเป็นแค่ชาวบ้าน พวกเขามีชีวิตต้องดูแล มีคนที่เขารัก ถ้ารัฐบาลยังเห็นความสำคัญของชีวิตของคน ก็น่าจะมาตอบกลับเราเร็วๆ นี้ ซึ่งจริงๆ น่าจะตอบกลับมาตั้งแต่ปีที่แล้วด้วย”
เมื่อเราถามว่าชาวจะนะ จะตามมาสมทบกับเธอ ในการทวงสัญญาหรือไม่ เธอก็บอกกับเราว่า ไม่รู้ว่าชาวบ้านจะทนเห็นเธอนั่งเรียกร้องคนเดียวได้อีกกี่วัน และถ้าเขากลับมากัน เธอคิดว่าอาจจะมาในจำนวนที่เยอะกว่าปีที่แล้ว เธอยังบอกกับเราอีกว่า ไม่เพียงแค่ผลกระทบกับชาวจะนะ แต่เธออยากสื่อสารให้คนในกรุงเทพฯ หรือคนไทย ได้รับรู้ปัญหาเรื่องนิคมอุตสาหกรรมนี้
“จะนะเองเหมือนเป็นพื้นที่ที่เป็นท่อส่งทรัพยากรให้คนในพื้นที่ คนในเมือง เรามีกุ้งหอยปูปลา อาหารทะเลสดๆ มีสถานที่ท่องเที่ยว หนูเองยังคิดถึงตอนวัยรุ่นที่ไปดูทะเลหมอก ทะเลใสๆ เราอยากเก็บพื้นที่จะนะไว้เป็นพื้นที่รื่นตา ที่คนในเมืองก็ไม่มีโอกาสได้เห็นมากนัก
แล้วนิคมอุตสาหกรรม มันเป็น mega project ขนาดใหญ่ ถ้าเราลองเปรียบเทียบ นึกถึงควันจากอินโดนีเซีย ที่เดินทางเป็นพันกิโลเมตรข้ามประเทศ แล้วนี่แค่ภาคใต้ของประเทศไทย อย่าคิดว่าใครจะกั้นอากาศ กั้นน้ำ สิ่งแวดล้อมมันมีความเกี่ยวเนื่องกันหมด ทุกสมดุล ไม่มีใครอยากที่จะซื้อออกซิเจนในการหายใจในอนาคต นี่คือสิ่งที่หนูอยากออกมาสื่อสารให้ทุกคน ทุกคนอยู่ได้เพราะอากาศ ออกซิเจนที่หายใจ ถ้าวันนึงเราต้องซื้อออกซิเจนหายใจ คิดดูว่าเรามาถึงขั้นไหนกันแล้ว”
เราถามเธอว่า ที่ผ่านมารัฐบาลไม่ทำตามสัญญา หากครั้งนี้ ไม่ได้รับการตอบรับจากรัฐบาลอีก จะนะจะเป็นอย่างไร ซึ่งเธอก็บอกว่า “จะนะก็คงจะต้องเป็นนิคมอุตสาหกรรม คือถ้าจะนะยังเกิดขึ้นได้ ก็รับประกันได้เลยว่ารัฐบาลก็ไม่ได้มีความคิดที่จะแคร์ชาวบ้าน ไม่ได้มีความคิดจะแคร์การเป็นอยู่ของชีวิตคน หรือประชาชน จะนะเป็นได้ ที่อื่นๆ ที่ไหนก็มีโอกาสสูงมากที่จะเป็นนิคมอุตสาหกรรมได้ ก่อนหน้านี้ เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ที่มาบตาพุดที่ระยอง เกิดขึ้นยังไงก็ดูสภาพ มีมลพิษมากมาย และต้องให้คนที่ภาคใต้เผชิญอีกหรอ” เธอตั้งคำถาม
สุดท้าย เราพูดคุยกับเธอ ถึงปีนี้ที่มีการเคลื่อนไหว และการพยายามเจรจามากมายกับทางฝั่งรัฐบาล แต่ก็ไม่ใช่ทุกครั้ง ที่รัฐยอมรับฟังเสียงประชาชนเลย ซึ่งเธอก็บอกกับเราว่าอยากให้รัฐบาล แก้ปัญหาต่างๆ ด้วยการฟังเสียงประชาชน “ฟังคนอื่นบ้าง มันมีทางออกเริ่มจากการรับฟัง และเปิดใจเข้าไปอยู่ในการรับฟังนั้น มันเรื่องเดิมๆ ปัญหาเดิมๆ เหมือนหลายๆ พื้นที่ แต่แค่เปลี่ยนตัวละคร จากอมก๋อยมาจะนะ จากจะนะไปอีกหลายๆ พื้นที่ ที่มีปัญหาเดียวกัน” เธอทิ้งท้าย