ฟื้นความสัมพันธ์ในรอบ 30 ปี นายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชาแถลงผลการเดินทางเยือนประเทศซาอุดีอาระเบียว่า “ผมได้เข้าเฝ้าฯ และพบหารือกับมกุฎราชกุมารแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย โดยทั้ง 2 ฝ่ายได้เห็นชอบร่วมกันให้ปรับความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบียให้เป็นปกติอย่างสมบูรณ์แล้ว”
ในแถลงการณ์ นายกฯ ระบุว่า หลังจากนี้ทั้ง 2 ประเทศจะเริ่มหารือเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตอีกครั้ง โดยจะเริ่มที่การแต่งตั้งเอกอัครราชทูต จัดตั้งกลไกหารือแบบทวิภาคี รวมถึงหารือเรื่องความร่วมมือในมิติต่างๆ เช่น การค้า การลงทุน สาธารณสุข พลังงาน
การเดินทางเยือนประเทศซาอุดีอาระเบียนี้ เป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ชาติในรอบ 30 ปีหลังเกิดความบาดหมางกันจากเหตุการณ์ในช่วงปี พ.ศ.2532-2533 (อ่านบทสรุปความสัมพันธ์ไทย-ซาอุฯ ที่ขัดแย้งกันยาวนานกว่า 30 ปี ได้ที่ : https://thematter.co/brief/166044/166044 )
ซึ่งในการเดินทางครั้งนี้ นอกจากนายกรัฐมนตรี ยังมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ร่วมคณะมาด้วย
นายกฯ เปิดเผยว่า หลังจากที่มีการหารือเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศอย่างเป็นทางการ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศก็ใช้โอกาสนี้หารือเกี่ยวกับความร่วมมือทั้ง 2 ประเทศในด้านต่างๆ รวมถึงการสนับสนุนให้แรงงานไทยกลับเข้าไปทำงานในประเทศซาอุดีอาระเบียได้ ซึ่งถือเป็นหนึ่งหมุดหมายสำคัญของประเทศ เพราะก่อนที่ทั้ง 2 ชาติจะลดความสัมพันธ์ลง มีแรงงานชาวไทยเข้าไปทำงานในซาอุดีอาระเบียกว่า 3 แสนคน และสร้างรายได้ให้กับประเทศได้มากกว่า 9,000 ล้านบาทต่อปี
ก่อนจบแถลงการณ์ นายกฯ ได้ทิ้งท้ายไว้ว่า “สุดท้าย ผมขอแสดงความยินดีกับการเริ่มต้นศักราชใหม่ของความสัมพันธ์ไทย-ซาอุดีอาระเบียอีกครั้ง การเยือนครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์และเป็นการเปิดโอกาสสำหรับทั้ง 2 ประเทศในการแสวงหาความร่วมมือระหว่างกันต่อจากนี้ ซึ่งจะนำมาซึ่งประโยชน์ร่วมกันของพี่น้องคนไทยและชาวซาอุดีอาระเบียอย่างแน่นอน”
อ้างอิงจาก