บ.คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด บริษัทแม่ของ บ.อัครา รีซอร์สเซส ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 31 ม.ค.2565 ว่า คดีพิพาทระหว่างบริษัทกับประเทศไทยกรณีไม่ปฏิบัติตามความตกลงการค้าเสรีระหว่างไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) ในชั้นอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ จะเลื่อนการอ่านคำชี้ขาดออกไปก่อน เพื่อเปิดให้ 2 ฝ่ายได้เจรจาทำความตกลงกัน
ในรอบปีที่ผ่านมา รัฐไทยได้ต่อใบอนุญาตกับ บ.อัครา หลายกรณี อาทิ ในเดือน ธ.ค.2564 ต่ออายุประทานบัตรเหมืองแร่ทอง (อายุ 10 ปี) จำนวน 4 แปลงในพื้นที่ จ.พิจิตรและเพชรบูรณ์ ประกอบด้วยประทานบัตร เลขที่ 26910/15365, ประทานบัตร เลขที่ 26911/15366, ประทานบัตร เลขที่ 26912/15367 และประทานบัตร เลขที่ 25528/14714 และในเดือน ม.ค.2565 ต่ออายุใบอนุญาตประกอบโลหกรรม (อายุ 5 ปี)
บ.คิงส์เกตฯ ระบุว่า การต่อใบอนุญาตดังกล่าว “จะทำให้เหมืองทองชาตรีกลับมาเปิดอีกครั้ง”
เว็บไซต์หนังสือพิมพ์เดลินิวส์เผยแพร่คำให้สัมภาษณ์ของนิรันดร์ ยิ่งมหิศรานนท์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กระทรวงอุตสาหกรรม ที่ระบุว่า การเลื่อนอ่านคำชี้ขาดของอนุญาโตฯ เกิดจากคำร้องของทั้ง 2 ฝ่าย โดยจะมีการเจรจาอีกครั้งว่าจะให้เลื่อนไปนานเท่าใด แต่คาดว่าน่าจะมากกว่า 6 เดือน
“ระหว่างนั้นจะมีการเจรจารายละเอียดที่เหลือ เชื่อว่าจะตกลงกันได้ด้วยดี และถ้าตกลงกันได้แล้ว เรื่องการฟ้องร้อง ก็น่าจะจบลงด้วยดีเช่นกัน เพราะไม่มีอะไรที่เป็นประเด็นร่วมกันอีก” อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่กล่าว
สำหรับคดีเหมืองทองอัครา เกิดขึ้นหลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สมัยยังควบตำแหน่งหัวหน้า คสช. ใช้อำนาจพิเศษตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2557 มาตรา 44 ออกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 72/2559 สั่งให้ บ.อัคราฯ ยุติการประกอบกิจการ ในเหมืองทองชาตรี ที่อยู่ระหว่างรอยต่อ จ.พิจิตรและพิษณุโลก ทั้งหมดภายในสิ้นปีเดียวกัน โดยอ้างเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และอ้างเหตุความขัดแย้งของประชาชนในพื้นที่ จนทาง บ.คิงส์เกตฯ ยื่นฟ้องต่ออนุญาโตฯ ระหว่างประเทศ เรียกค่าเสียหาย 750 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 2.5 หมื่นล้านบาท) ในข้อหายกเลิกสัญญาไม่เป็นธรรม ละเมิด TAFTA
อ้างอิงข้อมูลจาก
https://www.kingsgate.com.au/wp-content/uploads/2022/01/2334874.pdf
https://www.dailynews.co.th/news/718626/
https://www.facebook.com/thematterco/photos/3111835159031865
#Brief #TheMATTER