“ฝ่ายประชาธิปไตยชนะ”
“คนกรุงไม่เอาพลังประชารัฐ”
“คะแนนนิยมประยุทธ์ตกต่ำ”
ฯลฯ
คือข้อสรุปบางส่วนของคนบนโซเชียลฯ ต่อผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม. เขต 9 (หลักสี่-จตุจักรบางส่วน) วันที่ 30 ม.ค.2565 ที่โยงไปถึงการเมืองภาพใหญ่ คำถามก็คือเราสามารถโยงกับการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เก้าอี้เดียว ในวาระที่สภาผู้แทนราษฎรมีอายุเหลือปีเศษๆ กับเสถียรภาพรัฐบาล ความนิยมในตัวผู้นำ และการเมืองในอนาคตได้หรือไม่
คำตอบมีทั้ง ‘ได้’ และ ‘ไม่ได้’ เหตุใดเราจึงคิดเช่นนั้น The MATTER ขออนุญาตไล่เรียงข้อมูลที่เรารับรู้มา และอยากชวนทุกๆ คนมาพูดคุยกัน
1.) ผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม. เขต 9 หากสรุปแบบง่ายๆ ก็คือ ‘แชมป์เก่า’ อย่างพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แพ้ยับ พรรคเพื่อไทย (พท.) กลับมาชนะได้ตามคาด พรรคก้าวไกล (กก.) กับพรรคกล้าได้คะแนนมาอย่างน่าพอใจ และที่เซอร์ไพรส์นิดหน่อย คือพรรคไทยภักดี (ทภด.)
2.) ผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ หลังนับคะแนนครบ 100%
มีผู้ออกมาใช้สิทธิ 88,124 คน จากผู้มีสิทธิทั้งหมด 167,287 คน คิดเป็น 52.7%
โดยมี ‘บัตรดี’ ที่สามารถมาคำนวณคะแนนได้ (ไม่รวม ‘บัตรเสีย’ และ no vote) 84,484 คะแนน
คะแนนดิบในภาพรวม
- สุรชาติ เทียนทอง (พท.) 29,416 คะแนน – คิดเป็น 34.8%
- กรุณพล เทียนสุวรรณ (กก.) 20,361 คะแนน – คิดเป็น 24.1%
- อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี (กล้า) 20,047 คะแนน – คิดเป็น 23.7%
- สรัลรัศมิ์ เจนจาคะ (พปชร.) 7,906 คะแนน – คิดเป็น 9.4%
- พันธุ์เทพ ฉัตรนะรัชต์ (ทภด.) 5,987 คะแนน – คิดเป็น 7.0%
ส่วนผู้สมัครรายอื่นอีก 3 คน ได้คะแนนรวมกัน 700-800 คะแนน ไม่ถึง 0.1%
3.) ถ้าแยกเป็น ‘รายพื้นที่’ เขตเลือกตั้งนี้มี 5 แขวงอยู่ใน 2 เขตของ กทม. ประกอบด้วย แขวงทุ่งสองห้องและตลาดบางเขน ในเขตหลักสี่ กับแขวงเสนานิคม ลาดยาว และจันทรเกษม ในเขตจตุจักร (คะแนนดิบแยกรายพื้นที่ เราจะแปะไว้ในช่องคอมเม้นต์)
สิ่งที่น่าสังเกตก็คือ สุรชาติ พท.ได้คะแนนในแขวงทุ่งสองห้อง (เขตหลักสี่) ที่มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งมากที่สุดในพื้นที่ กทม. เขต 9 ถึงกว่า 1.4 หมื่นคะแนน หรือเกือบ 50% ของคะแนนที่ได้ทั้งหมด อาจเพราะทำพื้นที่นี้มานาน แม้กระทั่งในช่วงหลังรัฐประหาร ปี 2557 หรือแพ้เลือกตั้งรอบล่าสุด ในปี 2562
กรุณพลจาก กก.ได้คะแนนอยู่ในลำดับที่ 2-3 ของทุกแขวง ในระดับหลายพันคะแนน จึงไม่น่าแปลกใจถ้าคะแนนรวมจะได้มาเป็นอันดับ 2 ที่สำคัญยังชนะบางหน่วยในค่ายทหารอีกต่างหาก อรรถวิชช์จากกล้าได้คะแนนมากที่สุดในแขวงจันทรเกษมและลาดยาว (เขตจตุจักร) ฐานเสียงสำคัญของตัวเอง และที่ทำการพรรคกล้าก็ตั้งอยู่ในพื้นที่นั้น
สรัลรัศมิ์ได้คะแนนหลักพันเฉพาะแขวงทุ่งสองห้องและตลาดบางเขนที่อยู่ในเขตหลักสี่ ส่วนอีก 3 แขวงที่อยู่ในเขตจตุจักรจะได้เพียงหลักร้อย
ขณะที่พันธุ์เทพจาก ทภด. ได้คะแนนหลักพันในแขวงทุ่งสองห้อง (เขตหลักสี่) และแขวงลาดยาว (เขตจตุจักร)
4.) หลังผลไม่เป็นทางการออกมา นอกจาก พปชร.ที่ประกาศยอมรับความพ่ายแพ้ พรรคอื่นๆ ต่างประกาศถึงแง่ดีที่ได้จากการเลือกตั้งครั้งนี้
- นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้า พท.บอกว่า ผลเลือกตั้งครั้งนี้เป็นชัยชนะของฝ่ายไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ (ที่เขาใช้คำเรียกว่า ‘ฝ่ายประชาธิปไตย’) เพราะได้คะแนนในสัดส่วนเทียบกับฝ่ายสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์อยู่ที่ 60:40 และหวังว่าจะนำไปสู่การชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย หรือ landslide ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า
- อรรถวิชช์ เลขาฯ พรรคกล้า บอกว่า แม้จะแพ้เลือกตั้งในภาพรวม แต่ในเขตจตุจักร ฐานเสียงเดิมของตนก็ยังได้มาเป็นที่ 1 นอกจากนี้ยังได้คะแนนรวมใกล้เคียงกับผู้สมัครจาก กก. ที่มี ส.ส.ในสภาฯ ปัจจุบันถึง 50 คน แสดงให้เห็นถึงการเมืองใหม่ที่เกิดขึ้นแล้วใน กทม.
- พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้า กก.บอกว่า ผลเลือกตั้งนี้สะท้อนว่า กก.เดินมาถูกทางแล้ว แม้จะไม่ได้รับชัยชนะ เพราะสัดส่วนคะแนนที่ได้เพิ่มจากการเลือกครั้งก่อน (สมัยที่ยังใช้ชื่อพรรคอนาคตใหม่) จาก 20% ไปเป็น 24%
5.) หลายคนคงสงสัยว่า ความพ่ายแพ้ยับเยินของผู้สมัคร พปชร. เกิดจากปัจจัยอะไร
เป็นเพราะความนิยมของรัฐบาลประยุทธ์ตกต่ำจริงไหม?
เท่าที่ The MATTER คุยกับแหล่งข่าวหลายคน จะพูดคล้ายกันว่า ที่ผู้สมัครจาก พปชร.แพ้ มาจากหลายๆ ปัจจัย เรื่องความนิยมของรัฐบาลก็มีผลอยู่บ้าง แต่ปัจจัยหลักน่าจะมาจาก ‘ตัวผู้สมัคร’ ของ พปชร.และสามีอย่างสรัสรัศมิ์-สิระ เจนจาคะเป็นหลัก ทั้งความใหม่ของผู้สมัคร เหตุทะเลาะระหว่างกับผู้มากอิทธิพลบางคน หรือการที่ผู้ซึ่งเคยสนับสนุนหันไปเทคะแนนให้กับผู้สมัครจากพรรคอื่นๆ ไม่ว่าจะพรรคกล้า (ซึ่งได้คะแนนอีกส่วนจากการที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ไม่ส่งผู้สมัครด้วย) หรือ ทภด. จนทำให้คะแนนหายวับจาก 3.5 หมื่นคะแนน เหลือเพียงกว่า 8 พันคะแนน
6.) สกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าฯ กทม. ที่เคยเป็นอดีต ส.ส.กทม. เขตหลักสี่มาก่อน รีบออกมาสยบกระแสวิเคราะห์เหตุที่ พปชร.แพ้เลือกตั้งเพราะความนิยมรัฐบาลประยุทธ์ตกต่ำว่า ผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม.เขต 9 เมื่อวานนี้ มีน้อยกว่าในปี 2562 ถึงกว่า 22% (จากราว 74% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด เหลือเพียง 52%) หรือราว 3.9 หมื่นคน
เขาบอกว่า การเลือกตั้งซ่อม ‘คะแนนจัดตั้ง’ จะมีผลอย่างยิ่ง
นอกจากนี้ เมื่อดูผลรวมคะแนน ระหว่าง พท.+กก. เทียบกับ กล้า+พปชร.+ไทยภักดี ในเชิงเทรนด์ก็ไม่ได้ต่างจากการเลือกตั้งใหญ่ในปี 2562 มากนัก
ส่วนที่คะแนนผู้สมัครจาก พปชร.) คะแนนหายไปถึงประมาณ 2.7 หมื่นคะแนน “เหตุผลเป็นเพราะอะไรก็คงไม่ต้องพูดถึงเพราะคนในพื้นที่ก็รู้ดีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นตัวผู้สมัครหรือสาเหตุของการที่ทำให้เราต้องกลับมาเลือกตั้งใหม่ (สิระโดนศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ขาดคุณสมบัติ ส.ส. เพราะเคยต้องโทษคดีฉ้อโกง เมื่อปี 2538) หรืออาจจะเป็นปัญหาใน พปชร.เองก็ตาม”
สกลธีปิดท้ายว่า หาก พปชร.ไม่ทำอะไรซักอย่าง ผลการเลือกตั้งใหญ่ข้างหน้าในอนาคตในเขตนี้ก็คงไม่แตกต่างไปจากนี้ แถมยังอาจจะลามไปทั่วทั้ง กทม.
7.) ข้อมูลหลายๆ ทาง ยิ่งยืนยันว่า ความขัดแย้งภายใน พปชร.เป็นส่วนหนึ่งของความพ่ายแพ้
ยิ่ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตเลขาฯ พปชร.และ ส.ส.พะเยา ที่เพิ่งถูก พปชร.มีมติขับออกจากพรรคพร้อม 20 ส.ส. โพสต์เฟซบุ๊กว่า ผมดีใจมากครับที่เห็นพี่น้องประชาชนออกมาใช้สิทธิ์ใช้เสียง เลือกตั้ง นี่คือประชาธิปไตยครับ the enemy of my enemy is my friend”
รอยร้าวของพรรคที่ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อสืบทอดอำนาจ คสช. และสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ก็ยิ่งเด่นชัด
8.) เมื่อ พปชร.แพ้ขาดลอย สิ่งที่คนทั่วๆ ไปพูดกันก็คือ ศึกการเลือกตั้งใหญ่ไม่น่าจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ โดยเฉพาะการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ที่ปัจจุบัน พปชร.ยังไม่สามารถหาผู้สมัครที่มีศักยภาพพอจะชนะการเลือกตั้งได้
แม้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย จะชี้แจงในที่ประชุมวุฒิสภาวันนี้ (31 ม.ค.2565) ว่า กระทรวงมหาดไทยจะประสานกับ กกต. นำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม ครม. ต้นเดือน มี.ค.2565 เสนอประกาศวันเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือน พ.ค.2565 ก็ตาม
แต่ถ้ายังจำกันได้ว่า ในยุค คสช.เคยมีการเลื่อนทามไลน์การเลือกตั้ง ส.ส. ออกไปอย่างน้อย 4-5 ครั้ง เพราะคนบางกลุ่มยังไม่พร้อม รอให้ตัวเองได้เปรียบที่สุดก่อน
9.) มีคนบอกว่า โพลสอบถามความนิยมของประชาชนที่ดีที่สุด ก็คือการเลือกตั้ง เพราะไม่มีโพลไหนที่จะมีประชาชนออกมาเป็นกลุ่มตัวอย่างมากเท่ากับกิจกรรมนี้อีกแล้ว
10.) ยังเหลือระยะเวลาอีกประมาณหนึ่งกว่าจะถึงการเลือกตั้งใหญ่ (ไม่ว่าจะผู้ว่าฯ กทม. หรือ ส.ส.) กว่าจะถึงวันนั้น พรรคการเมืองต่างๆ คงปรับตัวเพื่อให้ได้เสียงจากประชาชนมากที่สุด
ผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม. เขต 9 หรือหลายๆ จังหวัดก่อนหน้านี้ อาจสะท้อนความนิยมของพรรค-ผู้สมัครได้ในช่วงเวลาหนึ่ง แต่เมื่อถึงเลือกตั้งใหญ่ ปัจจัยที่ประชาชนใช้พิจารณาในการทำ ‘โพลระดับชาติ’ นี้อาจแตกต่างกันไปตามแต่ละพื้นที่ ทั้งนี้ยังไม่รวมถึงกติกาการเลือกตั้งที่จะเปลี่ยนกลับไปใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ แทนที่จะเป็น 1 ใบ ที่จะส่งผลอย่างมีนัยสำคัญจำนวน ส.ส.ที่แต่ละพรรคจะได้ และเป็นตัวชี้วัดว่าใครจะได้เป็นรัฐบาล
ถึงใครบางคนอาจได้เปรียบจาก ส.ว.แต่งตั้ง 250 คน แต่ถ้าได้ ส.ส.มาสนับสนุนน้อย จะทำอะไรก็ยากลำบาก ไม่ว่าจะผ่านกฎหมายสำคัญ หรือในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ
#Explainer #เลือกตั้งซ่อมสสกทมหลักสี่ #TheMATTER