“ครอบครัวหญิงแคลิฟอร์เนียเชื่อ เธอถูกลักพาตัวหลังหายตัวไประหว่างวิ่งจ็อกกิ้ง”
“สามีเผย พบตัวเชอร์รี ปาปินีแล้ว มีถุงคลุมหัว ถูกทุบตี และหนักเพียง 39 กก.”
“ครอบครัว เชอร์รี ปาปินี ขอความเป็นส่วนตัว ระหว่างที่เธอกลับมาอยู่กับสามี”
“เกิดอะไรขึ้นกับ เชอร์รี ปาปินี กันแน่?”
“นักทฤษฎีสมคบคิดบนอินเทอร์เน็ตเชื่อ การลักพาตัว เชอร์รี ปาปินี เป็นการจัดฉาก”
ทั้งหมดนี้คือพาดหัวข่าวในปี 2016 เกี่ยวกับคดีการลักพาตัว ‘เชอร์รี ปาปินี’ (Sherri Papini) คุณแม่ลูกสองในรัฐแคลิฟอร์เนียที่คาดว่าถูกลักพาตัวไปขณะวิ่งจ็อกกิ้ง ซึ่งในตอนนั้น ได้รับความสนใจจากสื่อจำนวนมากในสหรัฐฯ รวมถึงคนทั่วไปก็สนใจใคร่รู้ เพราะมีเพียงปริศนาว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ในระหว่างที่เธอหายตัวไป
ในรายงานข่าวช่วงนั้น ปาปินีหายตัวไปในวันที่ 2 พ.ย. 2016 คีธ ปาปินี สามีของเธอ เป็นผู้แจ้งความคนหายในวันเดียวกัน หลังจากที่เธอไม่มารับลูกที่สถานรับเลี้ยงเด็ก มีคนพบเห็นครั้งสุดท้ายระหว่างที่กำลังวิ่งจ็อกกิ้งอยู่แถวบ้านในเทศมณฑลชาสตาของแคลิฟอร์เนีย
จากคำให้การของเธอกับตำรวจ ปาปินีถูกลักพาตัวไปโดยผู้หญิงที่ใส่หน้ากากและพูดภาษาสเปน 2 คน ซึ่งใช้ปืนจี้หัวเพื่อไม่ให้เธอขัดขืน จากนั้นจับเธอมาล่ามโซ่ ปล่อยให้อดข้าว ทุบตี รวมทั้งจุดไฟ และใช้เหล็กจี้ไฟที่ไหล่ขวาของเธอด้วย
ขณะนั้น คนในท้องถิ่นต่างพากันหวาดกลัวและเป็นกังวล เนื่องจากปาปินีเป็นแม่ลูกสองอายุน้อย (ในปี 2016 เธออายุ 34 ปี) แล้วยังหายตัวไปกลางวันแสกๆ อีก เจ้าหน้าที่ร่วมแรงร่วมใจหาตัวเธออยู่เป็นเวลา 22 วัน ทั้งในเขตชาสตาและรัฐอื่นๆ
3 สัปดาห์ต่อมา วันที่ 24 พ.ย. 2016 ซึ่งเป็นวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving) ในปีนั้น เธอถูกพบตัวริมถนน County Road 17 ใกล้กับทางหลวง Interstate 5 ในเทศมณฑลโยโล รัฐแคลิฟอร์เนีย ในลักษณะถูกมัดไว้ พร้อมกับร่องรอยโดนทำร้าย และรอยจี้ไฟบนไหล่ขวา
ตั้งแต่นั้นมา คนก็ได้แต่สงสัยว่าเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ในขณะที่ตำรวจก็ยังจับตัวคนร้าย 2 คนไม่ได้ เพราะเบาะแสที่ได้มานั้นน้อยเกินไป
ตัดภาพมาปี 2022 การสอบสวนของ FBI เสร็จสิ้น กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ แถลงข่าวเมื่อวันที่ 3 มี.ค. ที่ผ่านมา ระบุว่า แท้จริงแล้ว เรื่องราวไม่ได้เป็นแบบที่ปาปินีให้การไว้เลย แต่เธอนั่นแหละที่เป็นคนกุเรื่อง สร้างเรื่องราวขึ้นมาทั้งหมด
ความเป็นจริงคือ ปาปินีใช้จังหวะในช่วงที่หายตัวไป 3 สัปดาห์นั้นอยู่ที่อพาร์ตเมนท์แฟนเก่าของเธอ จากการสอบสวนพบว่า ปาปินีกับแฟนเก่าโทรคุยกันเป็นเวลาหลายเดือนผ่านโทรศัพท์เติมเงินแบบใช้แล้วทิ้ง ก่อนที่แฟนเก่าจะขับรถมารับเธอในวันที่ตรงกับวันหายตัวไป
จากนั้น เธอก็ซ่อนตัวอยู่ในอพาร์ตเมนท์ และจงใจกินน้อยลงกว่าปกติ พร้อมทั้งทำร้ายตัวเอง และตัดผมของตัวเอง และยังได้ให้แฟนเก่าของเธอไปซื้อเหล็กตีเบอร์จากร้านฮาร์ดแวร์เพื่อมาจี้ที่ไหล่ของเธออีกด้วย เป็นการสร้างหลักฐานเท็จว่าตัวเองถูกทำร้ายร่างกาย
นอกจากนี้ FBI ยังพบว่ามี DNA ของผู้ชายที่กางเกงของเธอ แต่ก็ไม่ตรงกับ DNA ของสามี เจ้าหน้าที่ต้องรอถึงปี 2020 ถึงจะได้รับอนุญาตให้ตรวจ DNA ของแฟนเก่า ซึ่งจากผลตรวจ ก็พบว่า DNA ตรงกัน
ยังคงตอบไม่ได้ว่า แท้จริงแล้วแรงจูงใจของเธอนั้นทำไปเพื่ออะไรกันแน่ แต่เบื้องต้น ปาปินีก็ถูกจับกุมตัวและตั้งข้อหาให้การเท็จกับเจ้าหน้าที่และข้อหาหลอกลวงฉ้อฉล ซึ่งถ้าผิดจริง ข้อหาแรกจะมีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปีและปรับไม่เกิน 250,000 ดอลลาร์ฯ หรือประมาณ 8.2 ล้านบาท ส่วนข้อหาที่ 2 มีโทษจำคุกสูงสุด 20 ปี และปรับไม่เกิน 250,000 ดอลลาร์ฯ
อ้างอิงจาก
https://www.theguardian.com/us-news/2022/mar/04/california-kidnapping-sherri-papini
https://edition.cnn.com/2022/03/04/us/california-woman-charged-false-report-missing/index.html