เป็นภาพที่กลับมาให้เห็นอีกครั้ง หลังจากที่มวลอากาศร้อนพัดพาฝุ่นและทรายจากทะเลทรายซาฮารา ข้ามฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมาปกคลุมท้องฟ้าประเทศสเปนจนกลายเป็นสีส้ม เปรอะเปื้อนสิ่งของ รถยนต์ และตึกรามบ้านช่องในหลายๆ เมือง
พายุทรายดังกล่าวคือปรากฏการณ์ที่ชาวสเปนเรียกว่า ‘la calima’ (แปลตรงตัวได้ว่า หมอกควัน) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่หาได้ไม่ยาก และในช่วงปีที่ผ่านมา ก็มีให้เห็นอยู่บ่อยครั้งในประเทศสเปน
ในขณะเดียวกัน พายุทรายที่เกิดขึ้นในปีนี้ก็ถือว่ามีความ ‘พิเศษ’ อยู่เหมือนกัน AEMET หรือกรมอุตุนิยมวิทยาของสเปน ระบุว่า ปรากฏการณ์ในปีนี้ส่งต่อทัศนวิสัยที่ลดลงอย่างมากในหลายๆ เมือง ซึ่งได้แก่ เมืองต่างๆ ทางภาคใต้ กรุงมาดริด เมืองลีอองในภาคเหนือ รวมถึงเกาะคานารี ที่อยู่นอกชายฝั่งโมร็อกโกด้วย
ในแถบเมืองหลวงและบริเวณชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ ดัชนีคุณภาพอากาศถูกจัดให้อยู่ในระดับ’ ไม่พึงประสงค์อย่างยิ่ง’ ซึ่งเป็นระดับที่แย่ที่สุด ขณะที่เจ้าหน้าที่ในบางพื้นที่ได้แนะนำให้ประชาชนใช้หน้ากากเมื่ออยู่ข้างนอกเพื่อป้องกันฝุ่นละออง
พายุทรายรอบนี้เริ่มพัดมาตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา และจากการพยากรณ์อากาศ คาดว่าฝุ่นจะสะสมหนักจนถึงวันนี้ (16 มี.ค.) และอาจพัดไปถึงประเทศเนเธอร์แลนด์และเยอรมนี ขณะที่เมื่อวานนี้ก็มีบางส่วนพัดเข้าไปในโปรตุเกส ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ และอิตาลีบ้างแล้ว
รูเบน เดล แคมโป โฆษกของ AEMET ระบุว่า ถึงแม้จะยังไม่แน่นอนว่า ภาวะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง (climate change) เป็นสาเหตุโดยตรงที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์นี้หรือไม่ แต่ก็พอบอกได้ว่า การขยายตัวของทะเลทรายซาฮาราในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ก็ส่งผลให้เกิดพายุฝุ่นที่ใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ ในยุโรปได้
ถึงกระนั้น เดล แคมโป ยังบอกว่า แบบแผนของสภาพอากาศ (weather pattern) ที่ปั่นป่วนมากขึ้นจากภาวะ climate change ก็อาจมีส่วนด้วยเหมือนกัน ซึ่งที่ผ่านมา ก็มีความกังวลอยู่แล้วว่าแบบแผนของสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปจะส่งผลต่อความถี่และความหนาแน่นของพายุฝุ่นเหล่านี้ได้เช่นกัน
อ้างอิงจาก
https://www.france24.com/en/live-news/20220315-sahara-desert-dust-coats-swathes-of-spain
https://apnews.com/article/madrid-spain-europe-air-quality-4e27d237a68c32a7b2b6a3f6195b82eb
https://www.accuweather.com/en/weather-news/saharan-dust-storm-spreads-over-spain-france/1157069