นับตั้งแต่เกิดวิกฤตโรคระบาดเมื่อ 2 ปีก่อน การทำงานแบบ Work From Home ก็กลายมาเป็นเทรนด์ใหม่ที่หลายคนคุ้นเคย ทีมวิจัยจากอังกฤษจึงได้ศึกษาพฤติกรรมเหล่ามนุษย์เงินเดือนในประเทศว่าพวกเขาใช้ชีวิตอย่างไรกันบ้าง ในเวลาที่ไม่ต้องอยู่ในสายตาเจ้านายตลอดเวลา
งานวิจัยที่ทำโดย Sky Broadband ระบุว่า พฤติกรรมแบบใหม่ที่เกิดขึ้นในช่วง Work From Home คือ ‘Dozing from home’ หรือการเผลองีบหลับเป็นพักๆ โดยชาวอังกฤษจะแอบงีบระหว่างทำงานประมาณ 3 ครั้งต่อสัปดาห์ เฉลี่ยผู้ชายประมาณ 3.4 ครั้ง ส่วนผู้หญิงประมาณ 2.7 ครั้ง
นอกจากนี้จากการสำรวจพฤติกรรมของมนุษย์เงินเดือน 1,500 คน ยังพบว่า พนักงานจะแอบใช้โซเชียลมีเดียส่วนตัวประมาณ 9 ครั้งต่อวัน แอบเล่นกับสัตว์เลี้ยง 2 ครั้งต่อวัน ซื้อสินค้าออนไลน์ 2 ครั้ง แชร์มีมตลกๆ ในโซเชียล 4 ครั้ง ส่งข้อความถึงเพื่อนฝูงและครอบครัว 8 ครั้ง ดื่มกาแฟหรือชา 10 แก้วต่อสัปดาห์ และกินขนมอย่างน้อย 13 อย่าง นอกจากนั้น 1 ใน 4 ยังทำงานทั้งชุดนอน!
แม้ปัจจุบัน โรคระบาดจะยังไม่หายไป แต่หลายๆ ประเทศร่วมถึงอังกฤษก็เริ่มปลดล็อกมาตรการควบคุม และเสนอให้เริ่มกลับไปใช้ชีวิตปกติ รวมถึงกลับไปทำงานในออฟฟิศแบบไฮบริด เข้าออฟฟิศ (3 วัน) ผสมทำอยู่บ้าน (2 วัน) ซึ่งชาวอังกฤษบางส่วนก็ดูชื่นชอบแนวคิดนี้
ประมาณ 52% ของผู้สำรวจบอกว่า พวกเขามีชีวิตที่ดีขึ้นมาเมื่อได้ทำงานแบบไฮบริด ส่วน 45% บอกว่าการทำงานรูปแบบนี้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับลูกค้าและเพื่อนร่วมงานดีขึ้น นอกจากนี้ประมาณ 20% ยังบอกว่าพอใจในผลงานตัวเองมากขึ้นเมื่อทำงานแบบไฮบริด
แล้วอะไรที่ทำให้ชาวอังกฤษรักการทำงานแบบไฮบริดล่ะ? จากการสำรวจพบว่า 47% ของชาวอังกฤษเอนจอยกับการทำงานแบบไฮบริดเพราะสามารถหลีกเลี่ยงกันเดินทางทุกวัน 41% ชอบที่ใช้เงินน้อยลง 36% ชอบเพราะไม่ต้องใช้ห้องน้ำปนกับใคร และ 29% ชอบเพราะสามารถแอบโกหกได้
ยังไม่ชัดเจนว่าโลกหลังโรคระบาดจะเป็นอย่างไร แต่เชื่อว่าแนวทางการทำงานแบบผสมผสานเช่นนี้จะไม่หายไปอย่างแน่นอน เพราะมีอิสระ และประหยัดเวลามากขึ้น แล้วคุณล่ะ.. ชอบการทำงานแบบไหนมากกว่ากัน?
อ้างอิงจาก
#Brief #TheMATTER