ทุกๆ เดือนผู้ที่มีประจำเดือนจะต้องเจียดเงินจำนวนหนึ่งไว้ซื้อผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการเป็นประจำเดือนอยู่เสมอ ไม่ว่าสถานการณ์โลกจะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่ในช่วงภาวะโรคระบาดที่กระทบต่อเศรษฐกิจแบบนี้ ยิ่งทำให้หลายคนไม่มีเงินพอซื้อสินค้าจำเป็นดังกล่าว
ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการญี่ปุ่น ระบุว่า ประมาณ 8% ของผู้หญิงที่ร่วมการสำรวจ มีปัญหากับการซื้อสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการมีประจำเดือน เนื่องจากข้อจำกัดทางการเงินที่พวกเธอต้องเผชิญมากตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2020
ผลการสำรวจนี้ถูกเผยแพร่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และแสดงให้เห็นถึงปัญหาส่งผลต่อผู้หญิงจำนวนหนึ่ง โดยผลสำรวจระบุว่า 12% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่อายุราว 20 ปี หรือน้อยกว่านี้ กล่าวว่า พวกเธอเจอปัญหา ‘บ่อยครั้ง’ หรือ ‘บางครั้ง’ ในการซื้อผลิตภัณฑ์สุขอนามัยในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
ผู้ตอบแบบสอบถามยังกล่าวอีกว่า การเจอปัญหาในการซื้อผลิตภัณฑ์เหล่านั้น ส่งผลต่อการเข้าสังคมและชีวิตส่วนตัวของพวกเธออย่างมาก เช่น ทำให้ไม่มีสมาธิในการทำงานหรือเรียนหนังสือ จำกัดความสามารถในการทำงานต่างๆ และทำให้พวกเธอต้องขาดงาน/เรียน หรือไปเข้างาน/เรียนสายอีกด้วย บางส่วนก็เกิดภาวะเครียดจนเกิดความผิดปกติทางอารมณ์
สาเหตุหลักๆ ของปัญหานี้คือรายได้ที่ต่ำเกินไป ผู้ตอบแบบสอบถาม 37.7% ระบุว่ารายได้ไม่เพียงพอ ขณะที่ 28.7% ระบุว่าไม่มีเงินเพียงพอสำหรับใช้จ่ายเพื่อตัวเอง และอีก 24.2% ระบุว่าพวกเธอต้องใช้เงินไปกับสิ่งจำเป็นอื่นๆ
ด้วยเหตุนี้ 50% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่เผชิญกับปัญหาดังกล่าว จึงเลือกที่จะไม่เปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ หรือไม่ก็ใช้กระดาษทิชชู หรือผ้าก๊อซทางการแพทย์แทน โดย 1 ใน 4 ของผู้ที่ใช้ของเหล่านี้แทนจะเจอปัญหาผื่นคัน หรืออาการแพ้
ผ้าอนามัยเป็นสิ่งที่ต้องเปลี่ยนหลายครั้งต่อวัน เพราะอาจทำให้เกิดโรคได้ เช่น ติดเชื้อราช่องคลอด กระเพาะปัสสาวะอักเสบ โดยผู้ที่มีประจำเดือนส่วนใหญ่ก็ซื้อทีละเป็นชุด ซึ่งตามกฎหมายญี่ปุ่นแล้ว ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับประจำเดือนยังต้องเสียภาษีบริโภคตามมาตรฐาน 10% แม้นักเคลื่อนไหวจะรณรงค์ให้ยกเว้นแล้วก็ตาม
ประเด็นนี้เกิดขึ้นกับทั่วโลก และในไทยเองก็มีการเรียกร้องให้ยกเลิกการจัดเก็บภาษีสำหรับผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ซึ่งในไทยจะเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% กับผลิตภัณฑ์ประจำเดือน ดูเป็นอัตราที่น้อยเมื่อเทียบกับหลายประเทศ แต่พอเทียบกับค่าแรงขั้นต่ำแล้วจะพบว่า ผู้ที่มีรายได้ต่อวันเท่าค่าแรงขั้นต่ำ หากต้องใช้ผ้าอนามัย 4 – 5 แผ่นต่อวันแล้ว จะต้องเตรียมค่าใช้จ่ายสำหรับผ้าอนามัยมากกว่า 12% ของรายได้ต่อวันทั้งหมด ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่มีราคาแพงสำหรับใครอีกหลายคน
ปัญหานี้ทำให้หลายประเทศเรียกร้องให้ผ้าอนามัยเป็นรัฐสวัสดิการขั้นพื้นฐาน และลดหรือยกเลิกภาษีมูลค่าสำหรับสินค้าเหล่านี้ เพื่อให้ประชาชนมีสุขภาวะทางเพศที่ดีได้
อ้างอิงจาก
#Brief #TheMATTER