กลายเป็นกระแสเดือดในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา เมื่อคลิปวิดีโอโฆษณาแอพลาซาด้าของนาราเครปกะเทย อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่า มีเนื้อหาไม่เหมาะสม บางส่วนก็มองว่าเป็นการหมิ่นเหม่เบื้องสูง นำไปสู่การยื่นหนังสือของกลุ่มคนรักสถาบันเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
แล้วเกิดอะไรขึ้นกับประเด็นนี้ วิดีโอดังกล่าวเล่าถึงอะไร ทำไมถึงเกิดแฮชแท็กดังกล่าวขึ้นมาได้ The MATTER สรุปมาให้อ่านกันตามนี้นะ
1. ประเด็นนี้ เริ่มจากคลิปโฆษณาแอพพลิเคชันลาซาด้า (Lazada) ที่เผยแพร่ผ่านช่องทาง TikTok ของ ‘นาราเครปกะเทย’ อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ซึ่งแสดงละครสั้นร่วมกับ ‘หนูรัตน์’ ธิดาพร ชาวคูเวียง โดยเรื่องราวก็คือ หนูรัตน์นั่งอยู่บนรถเข็น และนาราตั้งคำถามว่าเสื้อผ้าของตนหายไปไหน ก่อนจะพบว่า หนูรัตน์ คือคนที่เอาเสื้อผ้าของตนไป
2. คลิปดังกล่าว ทำให้เกิดกระแสวิจารณ์ว่า เป็นการล้อเลียนผู้ป่วย-คนพิการ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ไม่สมควร ขณะที่บางส่วนก็มองว่า คลิปดังกล่าวนั้นมีเจตนาล้อเลียนเบื้องสูง และเข้าข่าย ‘หมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์’
3. ศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully สังคมออนไลน์ (ศชอ.) โพสต์ข้อความทั้งในทวิตเตอร์และเฟซบุ๊กว่า “ประกาศ เนื่องจาก LAZADA นำกลุ่มบุคคลที่มีทัศนคติที่เป็นภัยต่อสถาบันฯ มาเป็น presenter ในการทำการตลาด ดังนั้น กลุ่มพสกนิกรปกป้องสถาบัน จึงขอไม่สนับสนุนตราสินค้านี้ในทุกรูปแบบ” พร้อมกับติด #BanLAZADA ในช่วงดึกของวันที่ 5 พ.ค.
4. บริษัท ลาซาด้า ออกแถลงการณ์ในคืนเดียวกันนั้นว่า บริษัทได้รับทราบถึงเหตุการณ์ที่มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอของ “นาราเครปกะเทย” และบริษัท อินเตอร์เซคท์ ดีไซน์ แฟคทอรี่ จำกัด ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในการติดต่อและประสานงานร่วมกับ KOL ในการผลิตคลิปวิดีโอดังกล่าว ได้ออกแถลงการณ์ขอโทษต่อสาธารณชนและต่อลาซาด้าแล้ว เพื่อรับผิดชอบต่อการเผยแพร่เนื้อหาที่ไม่เหมาะสมในครั้งนี้
“การกระทำเหล่านี้เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้โดยเด็ดขาดและขัดต่อค่านิยมของลาซาด้าในการเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่ให้ความเคารพต่อกันและกัน”
5. และในเช้าวันที่ 6 พ.ค.บริษัทก็ได้เผยแพร่แถลงการณ์อีกว่า บริษัทเข้าใจดีว่าเนื้อหาดังกล่าวสร้างความกระทบกระเทือนจิตใจต่อสังคมและลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์ ทันทีที่เรารับทราบถึงคลิปดังกล่าว เราได้มีคำสั่งให้ถอดคลิปดังกล่าวออกทันที เพราะเนื้อหาและข้อความเป็นสิ่งที่ขัดต่อหลักการทำงานและความเชื่อของลาซาด้าในการเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่ให้ความเคารพต่อกันและกัน และไม่แบ่งแยก
6. ขณะเดียวกัน บริษัท อินเตอร์เซคท์ ดีไซน์ แฟคทอรี่ จำกัด ในฐานะผู้ประสานงานติดต่ออินฟลูเอเนเซอร์เพื่อสร้างคลิปคอนเทนต์สำหรับโปรโมตแคมเปญลาซาด้า 5.5 ก็เผยแพร่แถลงการณ์เช่นกันว่า ทางบริษัทเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น และขอน้อมรับความผิดไว้แต่เพียงผู้เดียว
“บริษัทฯ ขอยืนยันว่า ไม่ได้มีความตั้งใจหรือเจตนาอื่นใดในการล้อเลียนพฤติกรรมหรือสภาพร่างกาย หรือเชื่อมโยงพาดพิงบุคคลและสถานการณ์ต่างๆ”
7. ขณะเดียวกัน นาราก็ออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กว่า เธอไม่ได้มีเจตนาพาดพิงใคร และคิดว่าการแสดงแบบนี้นาราก็ไม่ได้ทำคนเดียว พร้อมบอกว่า “ทางแอพฯ ก็ไม่ได้มีส่วนในการบรีฟงานในครั้งนี้ และงานนี้เป็นงานเร่งด่วนนาราถ่ายงานพอดีเลยให้หนูรัตน์ได้ถ่ายด้วย ถ้าในส่วนของคลิปนาราตั้งใจที่จะล้อเลียนใคร นาราจะเอา momดิวมาถ่ายคลิปด้วยแล้ว แต่นี้เจตนาของนารา คือ หนูรัตน์ที่เล่นเป็นแม่และขโมยของแค่นั้น”
และเมื่อวานนี้ นาราก็ได้โพสต์ข้อความว่า เธอนำเงินจำนวน 100,000 บาทไปให้กลุ่มผู้พิการเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่านาราไม่มีเจตนาหรือความตั้งใจล้อเลียนหรือบูลลี่ใคร
8. อย่างไรก็ดี ช่วงบ่ายของเมื่อวานนี้ ตัวแทนจาก ศชอ. ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) และกลุ่มพสกนิกรปกป้องสถาบันฯ ได้ไปยื่นหนังสือถึงผู้บริหารของบริษัท Lazada Thailand และต้องการขอความชัดเจนจากผู้บริหาร ซึ่งบริษัทลาซาด้า ได้ส่งตัวแทนมารับหนังสือ แต่ทางกลุ่มฯ ยืนยันว่าต้องการยื่นหนังสือผ่านผู้บริหารที่มีอำนาจเท่านั้น
ทางกลุ่มกำหนดเวลารับหนังสือใหม่อีกครั้ง ในอีกครึ่งชั่วโมงต่อมา แต่เมื่อครบกำหนดก็ยังไม่มีตัวแทนมารับหนังสือดังกล่าว ตัวแทนกลุ่มจึงฉีกหนังสือทิ้ง พร้อมประกาศว่าจะเดินหน้าแบนลาซาด้าต่อไป
9. ขณะเดียวกัน วรงค์ เดชกิจวิกรม จากกลุ่มไทยภักดี ก็โพสต์เฟซบุ๊กว่า “ผมถอนการติดตั้งแอป Lazada ออกจากมือถือแล้วครับ ช่วยกันแสดงพลัง บ้านเมืองต้องมีเสาหลัก อย่าให้ประเทศเราเป็นแบบยูเครน!!!”
10. ส่วนศรีสุวรรณ จรรยา ก็ได้โพสต์ข้อความผ่านเซบุ๊กว่า “Lazada บังอาจล้อเลียนราชวงศ์ไทย เดี๋ยวจัดให้กับ พ.ร.บ.คอมฯ ม.14 และ ป.อ.112 เดี๋ยวเจอกัน”
11. แล้วเมื่อเวลา 21.00 น. เมื่อวันที่ 6 พ.ค. กลุ่ม ศชอ.ก็โพสต์ข้อความอีกว่า วันพรุ่งนี้ ศปปส.จะไปแจ้งความเอาผิดกับนาราที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.)
12. อีกทั้ง เมื่อคืนที่ผ่านมา เพจเฟซบุ๊กดอยคำได้โพสต์ข้อความว่า “ขอแจ้งปิดระบบเพื่อปรับปรุงร้านค้า Doikham Official Shop: Lazada” ซึ่งเป็นการประกาศปิดร้านชั่วคราวบนแพลตฟอร์มลาซาด้า ทำให้หลายคนตั้งคำถามอีกว่า จะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยหรือไม่
13. ประเด็นนี้ยังมีข้อถกเถียงในโลกโซลเชียลที่มองว่า แม้จะไม่เห็นด้วยกับการล้อเลียนผู้พิการ แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับการนำกฎหมายอาญา ม.112 มาใช้กับกรณีนี้เพราะมองว่าเป็นการตีความที่กว้างเกินไป
นอกจากนี้ หลายคนยังมองว่า หากเห็นความสำคัญของความเท่าเทียมจริงๆ ก็ควรใช้แนวคิดเดียวกันนี้กับทุกคน รวมถึงกลุ่มคนที่คิดต่างด้วยเช่นกัน