คำถามเรื่องการใช้กระสุนยางควบคุมการชุมนุมของตำรวจยังคงมีต่อไป หลังปรากฎภาพและคลิปวิดีโอหลายครั้งหลายหนว่ามีการตั้งองศากระบอกปืนเพื่อยิงเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุมในแนวระนาบ (คือตั้งกระบอกปืนขนานไปกับพื้น) ทั้งๆ ที่คู่มือของตำรวจเองบอกว่า “..จะต้องเล็งยิงให้กระทบ ‘ส่วนล่าง’ ของร่างกายของผู้ที่เป็นเป้าหมาย..”
วานนี้ (14 มิ.ย.2565) กองบัญชาการตำรวจนครบาล หรือ บช.น. ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงถึงกรณีดังกล่าว มีเนื้อหาดังนี้
“สำหรับกรณีที่มีการวิจารณ์กรณีเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2565 ตำรวจควบคุมฝูงชนได้ใช้กระสุนยางไม่เป็นไปตามแนวปฏิบัติของสหประชาชาติด้านสิทธิมนุษยชน โดยมีการยิงแบบประทับบ่า และไม่ได้เล็งต่ำไปที่ท้องส่วนล่างหรือขานั้น
“ขอเรียนชี้แจงว่า ท่านผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าว โดยจัดให้มีการฝึกอบรมผู้ปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง และเน้นย้ำให้ปฏิบัติภายใต้กรอบของกฎหมายโดยเคร่งครัด โดยเฉพาะในเรื่องกฎการใช้กำลังนั้น จะต้องยึดหลักปฏิบัติ 4 ประการคือ 1. ต้องมีกฎหมายรองรับ 2. ต้องมีความจำเป็น 3. ต้องได้สัดส่วน และ 4. ต้องมีความเหมาะสมกับสถานการณ์
“กรณีการใช้กระสุนยางถือเป็นอาวุธที่ไม่ได้เจตนาทำร้ายถึงชีวิต แต่เป็นการใช้เพื่อระงับยับยั้งกลุ่มผู้ชุมนุมที่ใช้ความรุนแรงกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นไปตามหลักสากลในการควบคุมฝูงชน
“สำหรับการยิงแบบประทับบ่านั้น ถือเป็นท่าพื้นฐานและเป็นไปตามมาตรฐานในการใช้อาวุธ ที่ทำให้สามารถเล็งเป้าหมายได้ และมีอันตรายน้อยกว่าการยิงในท่าที่ไม่มีการเล็ง หากยิงท่าอื่นที่ไม่มีการเล็งอาจจะถูกอวัยวะที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บขึ้นได้ ในขณะที่ท่ายิงที่มีการเล็งนั้น สามารถเลือกบริเวณจุดที่ไม่เกิดอันตรายหรือบาดเจ็บกับผู้ที่ถูกกระสุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าท่าที่ไม่มีการเล็ง
“ประการต่อมา กรณีไม่ได้เล็งต่ำนั้น ขอเรียนว่าโดยปกติจุดของการเล็งระหว่างร่างกายช่วงบนและช่วงล่างนั้น มุมหรือองศาของกระบอกปืนนั้นจะไม่แตกต่างกันมากนั้น การโฟกัสไปที่กระบอกปืนอย่างเดียวไม่สามารถยืนยันได้ว่าขณะนั้นผู้ยิงเล็งปากกระบอกปืนไปยังจุดใด นอกจากนี้สถานที่เกิดเหตุก็มีส่วนสำคัญ ขณะนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมอยู่ในจุดที่สูงหรือต่ำกว่าผู้ยิงหรือไม่ เพราะฉะนั้นการยิงในท่านอนก็อาจยิงจุดที่สูงได้ ในขณะที่ท่ายืนก็อาจจะยิงในจุดที่ต่ำได้ การพิจารณาเฉพาะท่าการยิงและสรุปว่าเป็นการยิงสูงนั้น จึงอาจมีน้ำหนักไม่เพียงพอที่จะสรุปว่าเล็งสูงได้”
แถลงการณ์ดังกล่าวของ บช.น.ระบุ
ก่อนหน้านี้ ผู้สื่อข่าว The MATTER เคยใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญและ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร ขอเอกสารคู่มือที่ระบุแนวทางการใช้กระสุนยางควบคุมการชุมนุมสาธารณะจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ สตช. ซึ่งเป็นหน่วยงานต้นสังกัดของ บช.น. อีกที ได้รับเอกสารเป็น ‘คู่มือการปฏิบัติงานตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2563)’ นั่นแปลว่า สตช.ยืนยันว่า การใช้กระสุนยางของตำรวจทั้งประเทศจะต้องยึดตามคู่มือนี้
แต่ที่ชวนสงสัยก็คือเอกสารคู่มือดังกล่าวมีทั้งหมด 388 หน้า แต่ทาง สตช. กลับส่งมาให้เราเพียง 92 หน้า โดยตัดหน้าที่เกี่ยวข้องกับการใช้กระสุนยาง ที่อยู่ด้วย 6 จุด ออกทั้งหมด (ซึ่งจนบัดนี้เราก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไปทำไม เพราะคู่มือนี้สามารถหาดูได้บนอินเทอร์เน็ตอยู่แล้ว เพียงแต่อยากให้ทาง สตช. มีหนังสือยืนยันว่า ใช้คู่มือนี้เป็นแนวปฏิบัติงานในการควบคุมการชุมนุมจริงๆ)
และเมื่อดูเอกสารคู่มือฉบับเต็ม ในจุดที่ระบุถึงการใช้กระสุนยาง ที่อยู่ในหน้าที่ 42 ก็มีเขียนไว้ชัดว่า “..การยิงกระสุนยาง ให้ยิงต่อเป้าหมายที่กระทำการหรือมีท่าทีคุกคามต่อชีวิตบุคคลอื่น รวมทั้งต้องกำหนดเป้าหมายโดยชัดเจน ไม่ยิงโดยไม่แยกแยะหรือไม่เลือกเป้าหมาย ไม่ใช้การยิงอัตโนมัติจะต้องเล็งยิงให้กระสุนยางกระทบส่วนล่างของร่างกายของผู้ที่เป็นเป้าหมาย..”
คือชัดเจนว่า แนวทางการใช้กระสุนยางของตำรวจ จะต้อง
- ยิงต่อเป้าหมายที่จะคุกคามต่อชีวิตบุคคลอื่น
- เล็งยิงเป้าหมายโดยชัดเจน ไม่ยิงโดยไม่แยกแยะ
- จะต้องเล็งยิงให้กระทบส่วนล่างของร่างกาย (ก่อนหน้านี้มีตำรวจบางคนอ้างว่า ยิง ‘ส่วนหนา’ ของร่างกายได้ ซึ่งผิด ไม่เป็นไปตามคู่มือ)
ทั้งนี้ คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการ (กวฉ.) สาขาสังคม การบริหารราชการแผ่นดิน และการบังคับใช้กฎหมาย คณะที่ 3 มีคำวินิจฉัยสั่งให้ บช.น. ยังมีคำวินิจฉัย เมื่อวันที่ 30 พ.ค.2565 สั่งให้ บช.น.ต้องเปิดเผยจำนสวนกระสุนยางและแก๊สน้ำตาที่ใช้ควบคุมการชุมนุม ตั้งแต่ปี 2563 – ปัจจุบัน ให้กับผู้สื่อข่าว The MATTER ด้วย ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอเอกสารอย่างเป็นทางการ เพื่อไปขอรับข้อมูลต่อไป
สำหรับคดีที่ตำรวจใช้กระสุนยางยิงสื่อมวลชนได้รับบาดเจ็บ ทั้งๆ ที่ใส่ปลอกแขน PRESS แสดงตัวว่าเป็นสื่อ จนถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายต่อศาลแพ่ง มีกำหนดการสืบพยานในเดือน ก.ค.2565 รอติดตามกันได้ เราจะมารายงานความคืบหน้าให้ทราบเป็นระยะ
#Brief #TheMATTER