บุคคลแรกที่ถูกซักฟอกในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ คือ ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แน่นอนว่าประเด็นร้อนอย่าง ‘กัญชา’ จะขาดไปไม่ได้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ วันนี้ (19 ก.ค. 65) อนุทินไม่มีท่าทีจะนำกัญชากลับไปขึ้นบัญชียาเสพติดดังเดิม พร้อมชี้แจงกลางสภาฯ ว่ามั่นใจควบคุมการใช้กัญชาที่ไม่ถูกวิธีได้ และขอความกรุณาให้สภานิติบัญญัติเร่งออก พ.ร.บ.ควบคุมกัญชาโดยเร็ว
หลังถูก ส.ส.จากหลายพรรคอภิปรายซักฟอกถึงประเด็นกัญชา ไม่ว่าจะ สุทิน คลังแสง ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่อภิปรายว่ากระทรวงสาธารณสุขออกประกาศกระทรวงโดยไม่มีกฎหมายอื่นควบคุม จนถึงประเด็นที่สภาผู้แทนราษฎรไม่เคยมีมติให้ปลดล็อกกัญชาเสรี มีแค่มติให้ใช้ทางการแพทย์เท่านั้น ขณะที่ นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.พรรคก้าวไกล ก็อภิปรายเช่นกันว่า การประกาศใช้กัญชายังขาดกฎหมายย่อยอื่นๆ ที่จะควบคุมการใช้ประโยชน์ทางสันทนาการ ซึ่ง นพ.วาโย นิยามว่านี่คือสภาวะ ‘สุญญากาศทางกฎหมาย’
เมื่อมีโอกาสชี้แจง ทางอนุทินได้ระบุว่า การใช้กัญชาในด้านที่ไม่เกี่ยวกับการแพทย์คือการใช้ที่ไม่ถูกเจตนารมย์ (แม้ระหว่างการอภิปรายจะปรากฏวีดีโอของอนุทินเคยปราศรัยไว้ว่า กัญชาจะถูกใช้อย่างเสรี ทุกคนจะมีแต่เสียงหัวเราะ) เขาอธิบายเพิ่มเติมด้วยว่า การออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขก็ได้มีการดำเนินการพูดคุยหารือกันผ่านคณะกรรมการหลายชุดแล้ว และยืนยันได้ว่าไม่ขัดต่อหลักการ ไม่ผิดข้อตกลงใด หากนำไปใช้ทางการแพทย์
อนุทินอธิบายเพิ่มเติมว่าขณะนี้ ‘ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมกัญชงกัญชา’ กำลังอยู่ในขั้นตอนแปรญัตติ ซึ่งในร่างฯ ระบุไว้ว่าจะไม่ให้ใช้เพื่อนันทนาการ ทั้งนี้ รมว.กระทรวงสาธารณสุขได้ขอความกรุณาให้รัฐสภาพิจารณาผ่านกฎหมายโดยเร็ว โดยคาดหวังให้กฎหมายฉบับนี้เสร็จสิ้นภายในสมัยประชุมสภานี้เพื่อลดความกังวลของประชาชน หลังกระทรวงสาธารณสุขเองที่เป็นฝ่ายออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขปลดล็อกกัญชา
สำหรับแนวคิดการนำกัญชากลับไปสู่บัญชียาเสพติดเช่นเดิม ทางอนุทินระบุว่าสามารถควบคุมกันใช้กัญชาที่ไม่ถูกวิธีได้ เพราะเชื่อว่าหากหยุดทุกอย่าง อาจมีผู้ป่วยที่ได้รับการเดือดร้อนหากไม่มีกัญชาที่ช่วยในการรักษาโรค หรือช่วยลดความเจ็บปวดจากการรักษาระยะสุดท้าย หรือก็คือ ไม่มีท่าทีที่จะนำกัญชากลับไปขึ้นบัญชียาเสพติดดังเดิม
อย่างไรก็ดี อนุทินเลือกที่จะไม่ตอบคำถามในประเด็นจริยธรรมทางการเมือง โดยอ้างว่าขออนุญาตไม่ชี้แจงเพราะใช้เวลาในการชี้แจงข้อสงสัยมานานพอแล้ว แม้สุทินจะอภิปรายถึงประเด็นผลประโยชน์ทับซ้อนจากกรณีบริษัท STPI เครือ ‘ชิโน–ไทย’ ของตระกูลชาญวีรกูล ที่มีการแตกไลน์ผันตัวจากธุรกิจเหล็กมาลุยธุรกิจกัญชงจนทำให้เกิดข้อสงสัยและการตั้งคำถามจากสังคม
สำหรับใครที่อยากรู้จักบริษัท STPI สามารถอ่านได้ทื่นี่: https://www.facebook.com/thematterco/posts/pfbid02RgHjQhJkV9xVMA3GiW48GnWKvS5jQ28ajqHaYrnYjAhsfqnwGyAir8FJFkhCNv2yl