ราว 2 ใน 5 ของชาวสหรัฐฯ เสียใจกับเส้นทางที่ตัวเองเลือกสมัยเรียนมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะเหล่าบัณฑิตสายมนุษยศาสตร์และศิลปะ เมื่อเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ในสังคมเรียกร้องให้ผู้คนเรียนคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์มากขึ้น ซึ่งหลังจากนั้นสายมนุษยศาสตร์และศิลปะก็มีผู้สนใจศึกษาน้อยลง
ผลสำรวจของ Federal Reserve ระบุว่า ในปี 2021 จำนวนผู้ศึกษาเกือบครึ่งหนึ่งของสาขาวิชามนุษยศาสตร์และศิลปะเสียใจที่เลือกเรียนสายนี้ ขณะที่นักศึกษาสาขาวิชาวิศวกรรมศาสตร์มีความเสียใจน้อยที่สุด โดยมีเพียง 24% จากทั้งหมดเท่านั้นที่หวังว่าบอกว่า พวกเขาจะเลือกเรียนสายอื่น
ขณะเดียวกัน ผลการวิเคราะห์ข้อมูลของ Fed (Federal Reserve System) ก็แสดงให้เห็นว่ายิ่งคนที่เรียนจบมามีรายได้สูงเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเสียใจกับวิชาเอกที่ได้เลือกเรียนไปในระดับวิทยาลัยน้อยลงเท่านั้น
เบน ชมิดท์ (Ben Schmidt) นักประวัติศาสตร์และนักมนุษยศาสตร์ดิจิทัลกล่าวว่า มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะสำคัญเกิดขึ้น และตัวเลขลดลง 50% ที่ลดลงนี้ก็ไม่มีวี่แววว่าจะฟื้นตัวเลย อีกทั้งภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ก็จุดชนวนให้เกิดความเหลื่อมล้ำในสายวิชามนุษยศาสตร์ด้วย
“ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจถดถอย บารัค โอบามา อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า เราต้องการผู้ที่เรียนสาย STEM เพิ่มขึ้น และต้องการสายภาษาน้อยลง นั่นเป็นเรื่องราวที่คุณจะได้ยินจากเหล่าอินฟลูเอนเซอร์มากมาย และผมว่านั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง”
ชมิดท์ ยังกล่าวด้วยว่า เป็นไปได้ว่าการรณรงค์ส่งเสริม STEM ของประเทศ ทำให้ผู้สำเร็จการศึกษาด้านมนุษยศาสตร์หลายคนเสียใจที่เลือกเรียนสายนี้ แม้ว่าสาขาวิชาที่แตกต่างกันอาจไม่ได้ช่วยเพิ่มโอกาสในการจ้างงานก็ตาม แต่พวกเขากำลังดิ้นรน และใบปริญญาของพวกเขาก็กลายเป็นแพะรับบาป
ขณะที่ รายงานจากสื่อ the Atlantic เมื่อปี 2018 ระบุว่า ปัญหาหนี้การศึกษามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน และผู้คนในรุ่นหลังๆ มานี้ ต่างก็เจ็บปวดกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ ปัจจัยเหล่านี้จึงทำให้พวกเขาเลือกจะไปเรียนในสาขาวิชาที่มีแนวโน้มว่าจะมีงานที่ดีกว่าแทน
ดักลาส เวบ์เบอร์ (Douglas Webber) นักเศรษฐศาสตร์ กล่าวว่า สาขาวิชาประวัติศาสตร์หรือวารสารศาสตร์ทั่วไปอาจทำให้พวกเขามีรายได้ประมาณ 3.4 ล้านดอลลาร์ (ราว 124 ล้านบาท) ในตลอดช่วงชีวิต ขณะที่สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ทั่วไป วิทยาศาสตร์ชีวภาพ หรือเคมีอาจทำเงินได้ 4.6 ล้านดอลลาร์ (ราว 168 ล้านบาท) (คำนวณค่าเงินเฟ้อแล้ว)
แต่รายงานของเวบ์เบอร์ก็ระบุด้วยว่า สาขาวิชามนุษยศาสตร์ที่มีรายได้สูงหลายแห่ง ก็มีรายรับมากกว่าสาขาวิชาเอก STEM ที่มีรายได้ต่ำที่สุด เช่น ผู้ที่จบวิชาเอกประวัติศาสตร์และเป็นกลุ่มตัวท็อปที่มีรายได้สูงสุด จะมีรายได้ราว 4.2 ล้านดอลลาร์ (154 ล้านบาท) จากอาชีพการงานของพวกเขาในตลอดชีวิต ซึ่งถือว่าสูงกว่าผู้ที่เรียนสายวิศวกรรมเคมีและการบินบางคนที่มีฐานรายได้ต่ำที่สุดในสายนี้ (แม้ว่าสาขาวิศวกรรมเคมีและการบินจะทำเงินได้มากสุดก็ตาม)
อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญด้านมนุษยศาสตร์หลายคนก็แย้งว่า วิชาเอกเหล่านี้จะเปิดโอกาสให้ผู้เรียนรายได้สูงขึ้นในภายหลัง เพราะสายวิชานี้ไม่ได้ขังนักเรียนให้อยู่ในภาษาโปรแกรมที่คับแคบ ใบรับรอง หรือเส้นทางอาชีพ การคิดเชิงวิพากษ์ที่สอนในหลักสูตรมนุษยศาสตร์ช่วยให้นักเรียนสามารถปรับตัวเข้ากับงานที่ไม่คุ้นเคยได้
ควินน์ ดอมโบรว์สกี (Quinn Dombrowski) ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีวิชาการของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดกล่าวว่า การฝึกอบรมเพื่อถามคำถามยากๆ (ที่จะได้เรียนในสายมนุษยศาสตร์) มีความสำคัญอย่างยิ่ง และนั่นก็มีผลต่อสถานการณ์ในอาชีพต่างๆ ทุกประเภท
แต่ควินน์ก็อธิบายว่า เธอเข้าใจดีถึงความต้องการของนักศึกษาระดับปริญญาตรีที่จะก้าวเข้าสู่อาชีพด้านเทคโนโลยีที่ได้รับค่าตอบแทนสูงทันทีที่ออกจากวิทยาลัย แทนที่จะเสี่ยงโชคในระดับมนุษยศาสตร์ และเชื่อมั่นว่าโอกาสต่างๆ จะเกิดขึ้น