‘เบรนแดน เฟรเซอร์’ (Brendan Fraser) นักแสดงสุดเท่ในดวงใจของวัยรุ่นยุค 90 หลายคน ด้วยบทบาท The Mummy ในปี ค.ศ.1999 กลับมาอีกครั้งในฐานะนักแสดงนำ หลังจากที่หายไปจากวงการนานนับหลายปี และการกลับมาของเขาก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น จากผู้คนลุกขึ้นยืนปรบมือให้เขากว่า 6 นาทีในงานพรีเมียร์ภาพยนตร์ The Whale ที่เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเวนิส
ก้าวแรกสู่วงการภาพยนตร์ของเฟรเซอร์นั้นเริ่มขึ้นในปี ค.ศ.1991 ด้วยบทกะลาสีในภาพยนตร์เรื่อง Dogfight หลังจากนั้นเขาได้รับบทนักแสดงสมทบเรื่อยมา และผู้คนก็เริ่มจดจำเขาในฐานะนักแสดงที่มักรับบทตลกอยู่เสมอ จนในที่สุดก็ได้รับบทนำในภาพยนตร์เรื่อง In George of the Jungle ในปี ค.ศ.1997
ความสามารถในด้านการแสดงของเขาก็นำไปสู่การรับบทนำสุดเท่ในภาพยนตร์แฟรนไชส์ดังอย่าง The Mummy ในปี ค.ศ.1999 ที่ทำให้เขาเป็นที่จดจำในฐานะพระเอกหนังแอ็กชั่นในดวงใจใครหลายคน แต่เขาก็เริ่มหายหน้าหายตาไปจากภาพยนตร์ดังเป็นเวลาหลายปีจนทุกคนเริ่มสงสัยว่าหายไปไหน
จนกระทั่งนิตยสาร GQ ได้มีโอกาสพูดคุยกับเขาและทำให้ชาวโลกได้รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเฟรเซอร์ อ้างอิงจากบทสัมภาษณ์ของนิตยสาร GQ เฟรเซอร์เล่าย้อนกลับไปในปี ค.ศ.2003 ในงานเลี้ยงที่ Hollywood Foreign Press Association (HFPA) ที่เป็นผู้จัดงาน Golden Globes จัดขึ้น เขาถูก ฟิลลิป เบิร์ก อดีตประธานของ HFPA ล่วงละเมิดทางเพศ
ซึ่งเฟรเซอร์เล่าว่าเบิร์กใช้มือซ้ายมาจับก้นเขา และใช้นิ้วมือสัมผัสบริเวณเป้า ในตอนนั้นเขารู้สึกตกใจกลัวมาก เขากลับบ้านและเล่าให้ภรรยาฟัง แต่ในท้ายที่สุดก็ตัดสินใจว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร ด้วยความที่อีกฝ่ายเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลในวงการ
แม้ผู้แทนของเขาร้องเรียนให้ HFPA กล่าวขอโทษเฟรเซอร์แบบเป็นลายลักษณ์อักษร ทาง HFPA และเบิร์กก็รับทราบ และเขียนจดหมายขอโทษจริง แต่ในจดหมายขอโทษนั้นแทบไม่ได้มีความจริงใจแม้แต่น้อย เฟรเซอร์กล่าวว่าเขามีอาการซึมเศร้า กล่าวโทษตัวเอง และรู้สึกจมดิ่ง
เฟรเซอร์กล่าวว่าเขารู้ดีว่าทุกคนคงสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาจากการหายตัวไปจากวงการในครั้งนี้ เพราะหลังจากเหตุการณ์นั้น เขาก็ไม่ได้รับเชิญให้ไปงาน Golden Globes อีกเลย และปรากฏตัวในภาพยนตร์ไม่ค่อยบ่อยนักและไม่ได้มีบทบาทที่โดดเด่นเท่าไหร่ ซึ่งค่อนข้างผิดสังเกตในฐานะพระเอกหนังแอ็กชั่นแฟรนไชส์ยักษ์ใหญ่ที่เพิ่งจะดังเป็นพลุแตกไป แต่ทางเบิร์กออกมาปฏิเสธว่า HFPA ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับขาลงในหน้าที่การงานของเฟรเซอร์เลยสักนิด
นอกจากความสะเทือนใจจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศ เฟรเซอร์ยังต้องต่อสู้กับอาการบาดเจ็บจากการแสดงฉากแอ็กชั่นในภาพยนตร์แฟรนไชส์ The Mummy แล้ว ยังผ่านการผ่าตัดหลายต่อหลายครั้ง การสูญเสียคนในครอบครัว รวมถึงการหย่าร้างด้วย สำหรับคนที่เจอกับเรื่องราวโหดร้ายมามากมายขนาดนี้ และกลับมายืนขึ้นได้อีกครั้งนั้นแสดงให้เห็นว่าเฟรเซอร์เป็นคนที่แข็งแกร่งแค่ไหน
การปรากฏตัวครั้งล่าสุดของเขาในฐานะนักแสดงนำเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี กับภาพยนตร์เรื่อง The Whale ของ Darren Aronofsky ที่เขาต้องรับบท ชาร์ลี คนที่มีน้ำหนักตัวกว่า 270 กิโลกรัมที่ต้องใช้ชีวิตบนรถเข็น และกำลังซ่อมแซมความสัมพันธ์กับลูกสาววัยรุ่น ซึ่งเขาก็ทำมันออกมาได้ดีด้วยการทุ่มเทกายและใจกับบทบาทนี้
ทั้งการใส่ร่างกายเทียมที่เขากล่าวว่ามันสวยงามจับใจ การเคลื่อนไหวที่ยากลำบาก และการนั่งบนเก้าอี้แต่งหน้ากว่าหกชั่วโมง แม้ว่าการเปลี่ยนตัวเองให้เป็นตัวละครชาร์ลีในทุกครั้งที่เข้าเซ็ตนั้นจะค่อนข้างยุ่งยากและไม่สบายตัวนัก นอกจากนี้เขายังทำงานร่วมกับ Obesity Action Coalition ในสหรัฐฯ ดูหนังและซีรีส์ที่เล่าเรื่องราวของคนที่มีน้ำหนักเกินหลายเรื่อง และยังได้รับคำปรึกษาจากผู้ที่เคยผ่าตัดลดความอ้วนเพื่อรับบทชาร์ลีอีกด้วย ซึ่งเขากล่าวว่าจากการใส่ร่างกายเทียมนี้ เขามีกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นมา และยังได้เรียนรู้วิธีการเคลื่อนไหวร่างกายแบบใหม่
เขากล่าวกับ Vanity Fair ว่า “ผมได้เรียนรู้อย่างรวดเร็วว่าการที่จะอยู่ในร่างนั้น ต้องใช้คนที่แข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อเลย” และเขายังกล่าวถึงบทบาทของชาร์ลีอีกว่า “นี่อาจเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ผมทำสิ่งนี้อีกครั้ง ดังนั้นผมจึงทุ่มเททุกอย่างที่ผมมี”
อ้างอิงข้อมูลจาก