เช้าตรู่วันที่ 6 ต.ค. 2519 เมื่อกองกำลังตำรวจ และมวลชนฝ่ายขวา บุกเข้าไปที่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ท่ามกลางการชุมนุมที่จัดโดยศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (ศนท.) เหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ก็ถูกจารึกขึ้นด้วยรอยเลือด
กลายเป็นเหตุการณ์สังหารหมู่ ที่ว่ากันว่า เป็นกรณีนองเลือดครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย เป็นเหตุการณ์ที่เรียกกันว่า ‘เหตุการณ์ 6 ตุลาฯ’ …และเป็นเหตุการณ์ที่เวียนมาอีกครั้ง โดยครบรอบ 46 ปีในวันนี้
การชุมนุมวันที่ 6 ต.ค. 2519 เป็นการรวมตัวกันของนักศึกษาและประชาชนหลักหลายพันคน ที่บริเวณสนามฟุตบอลของ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เพื่อคัดค้านการกลับมาในประเทศของจอมพลถนอม กิตติขจร อดีตผู้นำรัฐบาลเผด็จการ ที่ลี้ภัยไป หลังเหตุการณ์ 14 ต.ค. 2516 และเดินทางกลับเข้ามาราวกลางเดือน ก.ย. 2519 ในรูปแบบของการบวชเณร
เค้าลางของความรุนแรงเริ่มปรากฏในหลายๆ เหตุการณ์ ก่อนหน้านั้น
เช่น วันที่ 24 ก.ย. 2519 เมื่อนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยถูกดักทำร้ายในระหว่างออกไปติดโปสเตอร์ รวมถึงมีกรณีการทรมานและฆาตกรรมแขวนคอ ‘ชุมพร ทุมไมย’ และ ‘วิชัย เกษศรีพงศา’ พนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคนครปฐม ที่ออกไปติดโปสเตอร์และต้องประสบกับเหตุสลดในวันเดียวกัน
จนกระทั่งชนวนเหตุสำคัญมาถึง เมื่อมีการแสดงละครที่ ม.ธรรมศาสตร์ จำลองการแขวนคอพนักงานการไฟฟ้าฯ โดยมีผู้แสดง คือ ‘อภินันท์ บัวหภักดี’ ซี่งถูกกล่าวหาว่ามีหน้าตาคล้ายคลึงกับพระบรมโอรสาธิราชฯ ในขณะนั้น และปรากฏต่อมาว่า มีการนำภาพการแสดงมา ‘ปั่น’ โดยหนังสือพิมพ์ดาวสยาม ประโคมข่าวว่า เป็นการจงใจหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
ยิ่งเป็นการปลุกระดมความเกลียดชังนักศึกษาผู้ชุมนุม ซึ่งก็ถูกตีตราด้วยความเป็นอื่นอยู่ก่อนแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ‘คอมมิวนิสต์’ ‘ญวณ’ ‘เจ๊ก’ หรือเป็น ‘พวกล้มเจ้า’ สุดท้ายนำมาสู่การปิดล้อมสังหารคนชาติเดียวกันอย่างเหี้ยมโหดในเช้าวันที่ 6 ต.ค. 2519 โดยกองกำลังตำรวจ และกลุ่มฝ่ายขวา อย่างนวพล กระทิงแดง และลูกเสือชาวบ้าน
ความรุนแรงในวันนั้น เกิดขึ้นในหลากหลายรูปแบบ ทั้งการระดมยิงด้วยอาวุธสงคราม การปิดล้อมเพื่อจับกุม ไปจนถึงการทำร้ายร่างกาย เช่น การแขวนคอ และตอกอก หรือฟาดด้วยเก้าอี้ รวมถึงการล่วงละเมิดทางเพศ ข้อมูลจากโครงการ ‘บันทึก 6 ตุลา’ ระบุว่า มีผู้ถูกจับกุมทั้งหมด 3,094 ราย ส่วนผู้เสียชีวิต มีอย่างน้อย 41 ราย
แต่จนถึงวันนี้ – วันครบรอบ 46 ปี เหตุการณ์ 6 ตุลาฯ – และแม้ในช่วงปีที่ผ่านมา จะมีการจัดกิจกรรมรำลึกเหตุการณ์ขึ้นทุกๆ ปี แต่ก็ดูเหมือนว่า ยังไม่มีใครต้องรับผิดเลยแม้แต่คนเดียว
ทั้งนี้ รายชื่อผู้เสียชีวิต 41 ราย จากข้อมูลของโครงการ ‘บันทึก 6 ตุลา’ ที่จัดทำไว้เมื่อเดือน ต.ค. 2561 ประกอบด้วย
- วิชิตชัย อมรกุล
- อรุณี ขำบุญเกิด
- ปรีชา แซ่เฮีย (หรือแซ่เอีย)
- วิมลวรรณ รุ่งทองใบสุรีย์
- เนาวรัตน์ ศิริรังษี
- ภูมิศักดิ์ ศิระศุภฤกษ์ชัย
- จารุพงษ์ ทองสินธุ์
- จินดา–ลิ้ม ทองสินธุ์
- มนัส เศียรสิงห์
- สุพล พาน
- ดนัยศักดิ์ เอี่ยมคง
- อภิสิทธิ์ ไทยนิยม
- พงษ์พันธ์ เพรามธุรส
- อับดุลรอเฮง สาตา
- ไพบูลย์ เลาหจิรพันธ์
- อนุวัตร อ่างแก้ว
- บุนนาค สมัครสมาน
- อัจฉริยะ ศรีสวาท
- สุรสิทธิ์ สุภาภา
- ยุทธนา บูรศิริรักษ์
- กมล แก้วไกรไทย
- มนู วิทยาภรณ์
- สัมพันธ์ เจริญสุข
- สุวิทย์ ทองประหลาด
- วีระพล โอภาสวิไล
- สุพจน์ พันธุ์กาฬสินธุ์
- ภรณี จุลละครินทร์
- วัชรี เพชรสุ่น
- ชัยพร อมรโรจนาวงศ์
- สงวนพันธุ์ ซุ่นเซ้ง
- สมชาย ปิยะสกุลศักดิ์
- วิสุทธิ์ พงษ์พานิช
- ศิริพงษ์ มัณตะเสถียร
- วสันต์ บุญรักษ์
- ชายไทยไม่ทราบชื่อ ถูกสะเก็ดระเบิดที่ศรีษะ
- ชายไทยไม่ทราบชื่อ ถูกกระสุนปืนเข้าช่องปอด
- ชายไทยไม่ทราบชื่อ ถูกกระสุนปืน
- ศพถูกเผาไม่ทราบชื่อที่ 1
- ศพถูกเผาไม่ทราบชื่อที่ 2
- ศพถูกเผาไม่ทราบชื่อที่ 3
- ศพถูกเผาไม่ทราบชื่อที่ 4