“หากการตายของเด็กๆ ไม่ได้กระตุ้นสำนึกของประเทศนี้ ก็คงไม่มีอะไรจะเปลี่ยนแปลงได้แล้ว”
26 ปีก่อน ชายคนหนึ่งถือปืนบุกเข้าไปยิงในโรงเรียนประถมดันเบลนที่สกอตแลนด์ ทำให้เด็ก 16 คน ครูอีก 1 คน เสียชีวิตทันที พร้อมด้วยผู้บาดเจ็บอีก 15 ราย ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะยิงตัวเองเสียชีวิต นับเป็นเหตุกราดยิงที่โหดร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหราชอาณาจักร
มาตรการครอบครองปืนมีปัญหาหรือเปล่า? นั่นคือคำถามที่เกิดขึ้นทันที หลังเหตุกราดยิงนี้
แม้ว่าปัจจุบัน สหราชอาณาจักรจะเป็นประเทศที่หลายคนทราบกันดีว่ามีมาตรการควบคุมปืนเข้มงวด แต่ในเดือนมีนาคม ปี 1996 ช่วงเวลาที่โศกนาฏกรรมนี้เกิดขึ้นนั้น สหราชอาณาจักรยังห่างไกลจากการเป็นประเทศที่ ‘ปลอดปืน’ มากนัก
พระราชบัญญัติอาวุธปืนในปี 1988 ของสหราชอาณาจักร ระบุว่า ใบอนุญาตครอบครองปืนจะผ่านได้ก็ต่อเมื่อผู้ยื่นขอความประสงค์ครอบครองปืนพกและปืนไรเฟิล มีสถานที่จัดเก็บปืนส่วนตัวที่ปลอดภัย ‘มีลักษณะนิสัยดี’และสามารถแสดง ‘เหตุผลที่ดี’ ในการครอบครองอาวุธปืนได้ นอกจากนี้ ยังมีการแนะนำให้ขอใบรับรองปืนลูกซองที่เข้มงวดน้อยกว่าแทนด้วย
จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่า ผู้ก่อเหตุกราดยิงดังกล่าว ได้รับใบอนุญาตให้มีปืนพกเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ปี 1977 ซึ่งทำให้เขาสามารถซื้อปืนพกขนาด .22 ครอบครองกระสุนได้ 1,000 นัด และซื้อกระสุนได้อีก 500 นัด เมื่อใดก็ได้
และในใบอนุญาตของเขา เหตุผลที่ดีที่ใช้ในการขอพกปืนก็คือ งานอดิเรกที่ชอบฝึกซ้อมยิงปืนในศูนย์ฝึกซ้อมบริเวณละแวกบ้าน
แต่หลังจากเหตุกราดยิงเกิดขึ้น สหราชอาณาจักรก็หันมาให้ความสนใจกับกฎหมายควบคุมปืน ประชาชนในละแวกที่เกิดเหตุออกแคมเปญ ‘สโนว์ดรอป’ ซึ่งตั้งชื่อตามดอกไม้ที่จะผลิบานในเดือนมีนาคม (เดือนที่เกิดเหตุกราดยิง) โดยมีผู้ลงนามร่วมแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการเป็นเจ้าของปืนพกถึง 750,000 กว่าคน
ข้อเรียกร้องให้แก้ไขกฎหมายนี้ ไม่ได้ห้ามใช้ปืนพกโดยสิ้นเชิง แต่ก็เป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้รัฐบาลออกพระราชบัญญัติอาวุธปืน (ฉบับแก้ไข) ปี 1997 ซึ่งสั่งห้ามปืนพกลำกล้องสูง
ในปีต่อมา พรรคแรงงานก็ได้ขึ้นมาเป็นรัฐบาล ซึ่งแจ็ค สตรอว์ (Jack Straw) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยให้ความเห็นว่า “เราสนับสนุน (กฎหมายฉบับนี้) แต่ในความเห็นของเรา มันยังไม่เพียงพอ”
สตรอว์ยังกล่าวอีกว่าว่า ในแถลงการณ์ของพรรคซึ่งพูดถึงการควบคุมปืนจากกรณีกราดยิงที่ผ่านมา ได้ระบุไว้ว่า “เป็นที่ชัดเจนว่า มีเพียงกฎหมายอาวุธปืนที่เข้มงวดที่สุดเท่านั้น ที่สามารถให้ความปลอดภัยสูงสุดกับประชาชนได้”
การออกพระราชบัญญัติปี 1997 ไม่ได้ส่งผลให้เห็นอย่างชัดเจนในช่วงแรก สถิติของรัฐบาลแสดงให้เห็นว่าการสั่งห้ามในขั้นต้นส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อความรุนแรงจากอาวุธปืนนอกสกอตแลนด์ ขณะที่อาชญากรรมเกี่ยวกับปืนในอังกฤษและเวลส์เพิ่มขึ้นตลอด โดยมีทั้งสิ้น 24,094 คดีในช่วงปี 2003-2004
แต่ 7 ปีหลังจากนั้น ตัวเลขดังกล่าวลดลง 53% เหลือ 11,227 คดี ซึ่งปีเตอร์ สแควรส์ (Peter Squires) ศาสตราจารย์ด้านอาชญวิทยาและนโยบายสาธารณะกล่าวว่า “ดันเบลนเป็นผู้เปลี่ยนเกมสำหรับการครอบครองปืนในสหราชอาณาจักร หากการตายของเด็กๆ ไม่ได้กระตุ้นสำนึกของประเทศนี้ ก็คงไม่มีอะไรจะเปลี่ยนแปลงได้แล้ว”
แม้ว่า เหตุกราดยิงในสหราชอาณาจักรจะไม่ได้หายไปในทันที และผลสำรวจจากประชาชนจำนวนมากในปีที่แล้ว ก็ยังเรียกร้องให้ประเทศมีกฎหมายครอบครองปืนที่เข้มงวดกว่านี้ แต่มาตรการดังกล่าวก็ได้ทำให้สหราชอาณาจักรเป็น 1 ใน 10 ประเทศที่มีอาชญากรรมปืนต่อจำนวนประชากรต่ำที่สุดในโลก ด้วยอัตราการเกิดคดีฆาตกรรมจากปืนที่ 0.23 ต่อจำนวนประชากร 100,000 คนในประเทศ
อ้างอิงจาก