สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UN General Assembly) กลับมาประชุมกันอีกครั้งเมื่อวานนี้ (12 ตุลาคม) ในการประชุมวาระพิเศษเร่งด่วนครั้งที่ 11 (Eleventh Emergency Special Session) ก่อนจะโหวตรับร่างมติอย่างท่วมท้น ด้วยคะแนนเสียง 143-5 ประณามการผนวกดินแดนที่ ‘ไม่ชอบด้วยกฎหมาย’ ของรัสเซีย
ทั้งนี้ 5 ประเทศที่โหวตไม่เห็นชอบได้แก่ เบลารุส เกาหลีเหนือ นิการากัว ซีเรีย และรัสเซีย
ขณะที่ไทยเป็น 1 ใน 35 ประเทศที่โหวตงดออกเสียง ซึ่งประกอบไปด้วยประเทศอย่าง จีน คิวบา อินเดีย ลาว มองโกเลีย ปากีสถาน ศรีลังกา เวียดนาม และนอกจากนี้ คือประเทศในทวีปแอฟริกาเป็นส่วนใหญ่
ร่างมติดังกล่าว คือร่างมติที่ A/ES-11/L.5 มีเนื้อหาหลักๆ คือ ยืนยันถึงอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน และประณามการจัดประชามติและการผนวกดินแดนที่ ‘ไม่ชอบด้วยกฎหมาย’ ของรัสเซีย ใน 4 พื้นที่ของยูเครน อันได้แก่ โดเนตสก์ เคอร์ซอน ลูฮันสก์ และซาปอริซเซีย
ร่างมติยังเรียกร้องให้ทุกรัฐ ทุกองค์การระหว่างประเทศ และทุกหน่วยงานใน UN ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงสถานะของ 4 พื้นที่ดังกล่าวโดยรัสเซีย พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัสเซียยกเลิกการตัดสินใจผนวกดินแดนในพื้นที่ดังกล่าว รวมถึงถอนกำลังทหารทั้งหมดออกไปจากอาณาเขตของยูเครนด้วย
ภายหลังการลงมติ สุริยา จินดาวงษ์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำ UN แถลงอธิบายท่าทีของไทยว่า “ในฐานะชาติอธิปไตยเล็กๆ ไทยเคารพในกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศ ในฐานะที่เป็นด่านหน้าและปราการสุดท้ายในการป้องกันของเรา เรายึดถือและเคารพในอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของแต่ละรัฐอย่างไม่ต้องสงสัย
“อย่างไรก็ดี ไทยเลือกที่จะงดออกเสียงในการลงมติ เนื่องจากมันเกิดขึ้นในบรรยากาศและสถานการณ์ที่พลิกผันได้ง่ายเป็นอย่างมากและเต็มไปด้วยอารมณ์ และนั่นยิ่งลดทอนโอกาสของการทูตช่วงวิกฤต ที่จะนำมาซึ่งการแก้ปัญหาผ่านการเจรจาที่สันติและใช้ได้จริง ให้กับความขัดแย้งที่อาจผลักโลกไปสู่สงครามนิวเคลียร์และการล่มสลายทางเศรษฐกิจทั่วโลก”
ในการลงมติก่อนหน้านี้ ไทยเองเคยเป็น 1 ใน 141 ประเทศที่โหวตรับร่างมติประณามรัสเซีย ภายหลังจากที่รัสเซียเพิ่งส่งกองกำลังรุกรานยูเครน เมื่อวันที่ 2 มีนาคม แต่ต่อมาก็หันมาโหวตงดออกเสียง ในการลงมติขับรัสเซียพ้นคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UN Human Rights Council) เมื่อวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา
อ้างอิงจาก