รัฐบาลอินโดนีเซียประกาศแบน ‘ยาน้ำ’ ทุกชนิดทั่วประเทศ ทั้งจากการจ่ายยาโดยแพทย์และการจำหน่ายตามร้านขายยา หลังพบเด็กต่ำกว่า 6 ขวบ มีอาการไตวายเฉียบพลัน (AKI) 206 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิตทั้งหมด 99 ราย ในช่วงตลอดทั้งปีนี้
“เพื่อปกป้องลูกหลานของเรา ซึ่งได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากสิ่งนี้ เราจึงตัดสินใจประกาศนโยบายดังกล่าว” โมฮัมมัด ซีอาห์ริล (Mohammad Syahril) โฆษกกระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซีย ประกาศเมื่อวันที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยจะสั่งแบนไปจนกว่าจะได้ข้อสรุปว่าสาเหตุของอาการป่วยคืออะไร แต่คาดการณ์เบื้องต้นว่า มาจากส่วนผสมที่เป็นพิษในยาน้ำ
ด้าน บูดี กูนาดี ซาดิคิน (Budi Gunadi Sadikin) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซีย เปิดเผยในวันนี้ (20 ตุลาคม) ว่า “ยาน้ำบางตัวที่ใช้ในผู้ป่วย AKI เด็ก ที่ต่ำกว่า 5 ขวบ พบว่ามีสาร ‘เอทิลีนไกลคอล’ (ethylene glycol) และ ‘ไดเอทิลีนไกลคอล’ (diethylene glycol) ซึ่งไม่ควรจะอยู่ในนั้น หรือมีอยู่แต่ในปริมาณที่น้อยมาก”
กรณีนี้คล้ายคลึงกับประเทศแกมเบียเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ที่พบว่ามีเด็กเสียชีวิตเกือบ 70 ราย จากอาการไตวายเฉียบพลัน หลังบริโภคยาน้ำ ซึ่งก็พบว่ามีสาร ‘เอทิลีนไกลคอล’ และ ‘ไดอทิลีนไกลคอล’ ในปริมาณที่มากเกินไปเช่นกัน โดยมีความเชื่อมโยงกับยาน้ำแก้ไอ 4 ชนิด ที่นำเข้ามาจากอินเดีย
ในขณะนั้น องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกมาเตือนให้ระวังการใช้ยาน้ำแก้ไอทั้ง 4 ชนิด ซึ่งมาจากโรงงานของบริษัท ‘เมเดน ฟาร์มาซูติคอลส์’ (Maiden Pharmaceuticals Ltd.) ในรัฐหรยาณา ประเทศอินเดีย ได้แก่
- Promethazine Oral Solution
- Kofexmalin Baby Cough Syrup
- Makoff Baby Cough Syrup และ
- Magrip N Cold Syrup
อย่างไรก็ดี ในกรณีของอินโดนีเซีย เจ้าหน้าที่ก็ระบุว่า ยาน้ำแก้ไอที่ใช้ในประเทศแกมเบียไม่ได้มีขายในอินโดนีเซีย แต่ก็ยังไม่ได้ออกมาเปิดเผยว่า ยาน้ำชนิดใดหรือยี่ห้อใดที่มีความเชื่อมโยงกับการเสียชีวิตของเด็ก 99 รายดังกล่าว และไม่ได้เปิดเผยว่า มีผู้ป่วยจำนวนกี่รายบ้าง ที่มีสาเหตุของอาการป่วยมาจากสารพิษในตัวยา
อ้างอิงจาก