หลังเป็นดราม่ามาเนิ่นนาน ในวันพรุ่งนี้ (22 ตุลาคม 2565) โตโน่–ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ จะเปลี่ยนบทบาทจากนักร้องและนักแสดงชื่อดัง เป็นนักว่ายน้ำข้ามประเทศที่ใครๆ ก็จับตามอง
เขาตัดสินใจว่ายน้ำพร้อมเปิดรับเงินบริจาคเพื่อนำไปซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์มอบให้แก่ 2 โรงพยาบาลริมฝั่งโขง พร้อมๆ กับเรียกร้องให้คนรักในระบบนิเวศของแม่น้ำ
แต่ดูเหมือนภารกิจนี้จะไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะโตโน่ต้องเผชิญกับดราม่าและคำวิพากษ์วิจารณ์มากมาย ตั้งแต่เรื่องความอันตราย งบประมาณ–ทรัพยากรรัฐ สู่เรื่องการกุศลที่ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง จนหลายคนสับสนว่าสรุปแล้วมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง The MATTER ได้เรียบเรียงไว้แล้ว ดังนี้
1) ปลายเดือนสิงหาคม โตโน่–ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ นักร้องและนักแสดงชื่อดัง ประกาศทำภารกิจ ‘One Man & The River หนึ่งคนว่าย หลายคนให้’ โดยจะว่ายข้ามแม่น้ำโขงไปกลับไทย–ลาว ระยะทาง 15 กิโลเมตร ในวันที่ 22 ตุลาคม 2565 พร้อมเปิดรับบริจาคเพื่อนำเงินไปช่วยเหลือ รพ.นครพนม และ รพ.เแขวงคำม่วน สปป.ลาว
“มันคงเป็นกิจกรรมที่หนักที่สุดครั้งนึงในชีวิตของผม แต่ผมคิดว่ามันคุ้มนะครับ ถ้าจะพอช่วยให้คุณหมอคุณพยาบาลทำงานได้ง่ายขึ้น มีอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับช่วยเหลือคน รวมถึงสัตว์ และที่สำคัญที่สุด ถ้าพวกเราช่วยกันทำให้แม่น้ำทุกสายของทั้งไทยและลาวสวยงามขึ้น มันคงเป็นอะไรที่มีค่าที่สุดเลยล่ะ” ดาราดังระบุ
2) นี่ไม่ใช่ภารกิจทางน้ำครั้งแรกของโตโน่ ก่อนหน้านี้ในปี 2563 เขาเคยทำกิจกรรม ‘One Man & The SEA’ ว่ายน้ำข้าม 12 เกาะในทะเลภาคใต้ เพื่อปลุกจิตสำนึกให้รักในระบบนิเวศ และเปิดให้บริจาคเพื่อสมทบทุนทางการแพทย์แก่สัตว์ทะเลและโรงพยาบาลริมชายฝั่ง แต่ไม่สำเร็จตามเป้าเพราะได้รับบาดเจ็บและรัฐบาลดันประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
3) ฟังเผินๆ ดูเหมือนกิจกรรมรับบริจาคทั่วไป หลายคนก็ให้กำลังใจ สนับสนุน และชื่นชมในความมุ่งมั่น พร้อมโอนเงินบริจาคหวังร่วมสะพานบุญ แต่อีกหลายคนก็วิพากษ์วิจารณ์การว่ายน้ำของโตโน่ด้วยหลายเหตุผล เช่น การพัฒนาด้านสาธารณสุขคือหน้าที่ของรัฐบาล, การว่ายน้ำสร้างภาระให้เจ้าหน้าที่ที่ต้องดูแล, การว่ายน้ำช่วงมรสุมอันตราย, โตโน่ทำตัวเป็นนักบุญด้วยทุนคนอื่น เป็นต้น
4) ดาราหนุ่มถูกวิจารณ์และตั้งคำถามหนักมากจน #โตโน่ แวะเวียนขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์ยาวนานหลายสัปดาห์ อย่างไรก็ดี โตโน่ไม่เคยย่อท้อ เดินหน้าฝึกซ้อมเต็มกำลังเพื่อ ‘ความฝันของหมอและพยาบาล’ ที่ตั้งเป้ายอดเงินบริจาคไว้ 10 ล้านบาท
5) แม้ยืนยันว่าจะทำต่อไป ข้อคำถามและเสียงวิพากษ์วิจารณ์คงสร้างแรงกระเพื่อมถึงโตโน่ไม่มากก็น้อย เพราะนักแสดงคนนี้เองถึงกับต้องอัดวีดีโอชี้แจงและตอบคำถามในหลายประเด็นผ่านเฟซบุ๊ก ‘เก็บรักษ์’ พร้อมๆ กับตอบคำถามสื่อมวลชนถึงประเด็นที่ถูกวิจารณ์อย่างหนัก
เช่น ประเด็นอันตราย โตโน่ชี้แจงว่า เขาไม่กลัวอันตรายเพราะเชื่อว่าหมอและพยาบาลเสี่ยงกว่า นอกจากนี้ เขาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวไทยรัฐว่า “ไม่ใช่เรื่องที่ว่าผมจะว่ายน้ำไหวมั้ย หรือว่าผมกลัวหรือเปล่า อันนั้นเป็นเรื่องส่วนตัวผมครับ”
หรือ ประเด็นสร้างภาระให้เจ้าหน้าที่ โตโน่เผยว่า ตนไม่ได้ใช้ทีมกู้ภัยในพื้นที่เลย ใช้ทีมกู้ภัยตัวเองที่ได้จากสปอนเซอร์ อย่างไรก็ดี เขาเล่าว่ามีทีมฉุกเฉินจากโรงพยาบาลนครพนมที่อาสามาช่วยเองด้วย โดยดาราหนุ่มอธิบายว่า “เพราะเขาอยากจะช่วย เขาดีใจที่เราจะไปช่วยเขา”
6) ที่ต้องเป็น รพ.นครพนม และ รพ.แขวงคำม่วน โตโน่ให้เหตุผลว่า เพราะนครพนมเป็นจังหวัดที่กำลังขยาย มีแรงงานและนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาจนอาจเกิดเหตุที่เครื่องมือไม่พอมากๆ ได้ พร้อมชี้ว่าโรงพยาบาลแทบทุกที่งบไม่พออยู่แล้ว
อย่างไรก็ดี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพนมเพิ่งออกมาเผยว่า โรงพยาบาลไม่ได้เรียกร้องกิจกรรมนี้ ส่วนงบประมาณภาครัฐก็เพียงพอในการดูแลประชาชนอยู่ แต่ก็ยืนยันว่ากิจกรรมไม่ใช่ภาระกับโรงพยาบาลนครพนม
7) ที่เล่าไปยังไม่ใช่ทั้งหมด เพราะคลื่นลูกใหญ่ที่ซัดโตโน่หนักสุด เกิดขึ้นหลังผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์เอกสารเตรียมงานที่ขอความช่วยเหลือจากหลายหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อเตรียมรับกิจกรรม ‘หนึ่งคนว่าย’
ตามที่ปรากฎในเอกสาร เรียกได้ว่าแทบทุกส่วนราชการระดับท้องถิ่นต้องร่วมรับผิดชอบในกิจกรรมว่ายน้ำหาเงินของโตโน่ เช่น สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม, รพ.นครพนม, สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.นครพนม, เทศบาลเมืองนครพนม, องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม, หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง, การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดนครพนม, ตำรวจภูธร จ.นครพนม ไปจนถึง สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.นครพนม
ขอความช่วยเหลืออะไร? มีตั้งแต่จัดรถพยาบาลพร้อมบุคลากรทางการแพทย์เพื่อติดตามทีมว่ายน้ำ สนับสนุนอาหารสำหรับเจ้าหน้าที่และผู้ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรม เตรียมสถานที่ ตั้งทุ่นลอยน้ำ จัดเตรียมรถตู้ ตั้งเวทีแสง/สี/เสียง และเตรียมนางรำ
8) เอกสารที่หลุดออกมา นำมาสู่การตั้งคำถามว่าเอางบประมาณส่วนไหนมาจ่าย เงินที่จัดกิจกรรมเป็นเงินจากไหน ทำไมภาครัฐถึงเกี่ยวข้องด้วย ด้านผู้จัดการส่วนตัวโตโน่ก็รีบแถลงว่าไม่ได้ใช้งบประมาณภาครัฐ แต่เป็นการสร้างความร่วมมือระหว่างทุกภาคส่วนในกิจกรรมการกุศล
ขณะที่ วชิรเชษฐ์ กิตติ์พรศิริกุล รองนายกเทศบาลเมืองนครพนม ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว pptv ว่า ‘แทบ’ ไม่ใช้งบประมาณรัฐ “เป็นภารกิจที่เราแทบไม่ได้ใช้เงินงบประมาณใดทั้งสิ้น ส่วนใหญ่เป็นสิ่งของที่เรามีอยู่แล้ว พร้อมที่จะสนับสนุนกิจกรรมนี้ เพื่อประชาสัมพันธ์จังหวัดนครพนม”
9) แม้จะออกมาบอกว่าไม่ได้ใช้เงินงบประมาณของรัฐ แต่คำถามที่ตามมาก็คือ มีหลักฐานอื่นมายืนยันหรือไม่ว่าไม่ได้ใช้งบของรัฐ บางส่วนก็ตั้งข้อสังเกตว่า การเบียดเบียนเวลาทำงานของข้าราชการ (ทั้งวันเตรียม และวันจริงที่เป็นวันหยุด) การใช้กำลังคนที่มีไปจัดการสิ่งของที่มีอยู่แล้ว ก็คือการใช้ทรัพยากรของรัฐอยู่หรือเปล่า
10) ยังไม่รวมการมีอภิสิทธิ์ได้เข้าใช้อุโมงค์น้ำจากคณะวิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแบบไม่เสียค่าใช้จ่าย ที่มีนักศึกษาปริญญาตรีออกมาเผยว่าไม่มีโอกาสได้ใช้สักครั้งแม้จะจ่ายค่าเทอม หลากหลายประเด็นวิจารณ์ที่เกิดขึ้นกับโตโน่ในช่วงนี้ ยิ่งทำให้สังคมตั้งคำถามถึงกิจกรรมที่เกิดขึ้น
11) กรณีนี้ หากมองดีๆ จะพบว่าใจความสำคัญ คือ การที่ผู้คนตั้งคำถามต่อภาครัฐ ว่าทำไมถึงปล่อยให้ประชาชนต้องทำการกุศลเพื่อประชาชนด้วยกันเอง ทั้งๆ ที่มันเป็นหน้าที่หลักของรัฐที่ต้องดูแล พัฒนา และปรับปรุงโครงสร้างต่างๆ ภายในประเทศ
ตลอดจนการตั้งข้อสังเกตว่า เข้าใจเจตนาดีว่าอยากช่วยโรงพยาบาล ก็มันก็ช่วยได้แค่ที่เดียว ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างใดใดระดับประเทศ และจะยิ่งทำให้รัฐเพิกเฉยต่อหน้าที่ที่ต้องทำ
12) ระหว่างที่คุณอ่านถึงจุดนี้ ยอดเงินบริจาคล่าสุดสูงของโครงการว่ายน้ำข้ามโขง พุ่งสูงถึง 11 ล้านบาทแล้ว
13) ช่วง 7 โมงเช้าของวันที่ 22 ตุลาคม โตโน่จะเริ่มว่ายน้ำที่ลานพญาศรีสัตตนาคราช ไปขึ้นที่พระธาตุศรีโคดตะบอง จนไปที่หาดบ้านนาเมือง ก่อนจะว่ายกลับมาที่เดิม ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาทั้งวัน
ภารกิจ ‘หนึ่งคน(?)ว่าย หลายคนให้‘ จะสำเร็จลุล่วงหรือไม่ คงต้องลุ้นกันต่อไป ในวันพรุ่งนี้
อ้างอิงจาก