วันนี้ (1 พฤศจิกายน) วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการพิจารณาเกี่ยวกับสุรา ระบุว่า ครม. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 2 ตามคำแนะนำของคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่มีการปรับใหม่ให้รัดกุมยิ่งขึ้น
โดยก่อนหน้านี้ ตามข้อร้องเรียนของประชาชน พบว่า กฎหมายที่ออกมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2560 มีข้อจำกัดมากเกินไป จนไม่สามารถทำอะไรได้ เป็นที่มาให้พรรคก้าวไกล เสนอเข้าสภาให้ออกกฎหมายฉบับใหม่ และสภาฯ รับหลักการไป
แต่หลังการพิจารณา ครม. ยังคงมีความเห็นว่า กฎหมายของฝ่ายค้านหย่อนเกินไป อาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค และกระทบกับภาษีรายได้ของประเทศ จึงเป็นที่มาของข้อสรุปของการพบกันครึ่งทาง
ในระหว่างการสัมภาษณ์ เมื่อถูกถามถึงว่า หากมีกฎกระทรวงฉบับนี้แล้ว การที่ร่างพ.ร.บ.สุราก้าวหน้า ของพรรคก้าวไกลจะไม่ผ่านก็ไม่เป็นปัญหาใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ก็ไม่จำเป็น เพราะในกฎกระทรวงมีสิ่งที่ดีเกือบเท่าเทียมกัน แต่รายละเอียดจะหย่อนลงจาก กฎหมายปี พ.ศ. 2560 มากกว่าครึ่ง
รองนายกรัฐมนตรี ยังย้ำว่า นี่ไม่ได้เป็นการแก้เกมแต่อย่างใด เนื่องจากร่างกฎกระทรวงฉบับที่ 2 นี้ ดำเนินการมาแล้วกว่า 6 เดือน ก่อนที่พรรคก้าวไกลจะเสนอกฎหมายเสียอีก
“เรื่องนี้ไม่ใช่การชิงไหวชิงพริบ หรือตัดหน้าสภา แต่ต้องการให้มีกฎเกณฑ์ เพื่อผ่อนปรนให้สามารถผลิตสุรา โดยเฉพาะสุราที่ไม่ได้มีเพื่อการค้าให้สามารถทำได้ โดยเฉพาะสุราพื้นบ้าน เพราะ ครม.เห็นว่าเป็นการรักษาภูมิปัญญาชาวบ้าน โดยกฎกระทรวงฉบับที่ 2 นี้ ไม่ได้ทำให้รายได้ของรัฐบาลลดลง และทำให้ผู้ที่ประสงค์จะผลิตสุรา สามารถทำได้โดยไม่ต้องขออนุญาตให้วุ่นวายและเป็นภาระแก่ประชาชน โดยร่างกฎกระทรวงฉบับที่ 2 จะมีผลบังคับใช้ หลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา” นายวิษณุ กล่าว
สาระสำคัญโดยคร่าวๆ ของร่างกฎหมายนี้ คือ
– ยกเลิกการกำหนดจำนวนทุนจดทะเบียน สำหรับผู้ขออนุญาตผลิตสุราแช่ชนิดเบียร์ ซึ่งกำหนดไว้ไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท
– ยกเลิกการกำหนดการผลิตกำลังขั้นต่ำของโรงอุตสาหกรรมสุราแช่ชนิดเบียร์ ระหว่าง 100,000-1,000,000 ล้านลิตรต่อปี
– ผู้ผลิตสุราชุมชนต้องได้รับใบอนุญาตผลิตมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี และไม่มีประวัติทำผิดกฎหมายภาษีสรรพสามิตครบ 1 ปี
สำหรับการพิจารณาร่างแก้ไข พ.ร.บ.สรรพสามิต หรือกฎหมาย #สุราก้าวหน้า นั้นจะเกิดขึ้นในสมัยประชุมสภาสุดท้ายในวันพรุ่งนี้ (2 พฤศจิกายน) คงต้องรอดูว่าจะถูกคว่ำร่างตามที่ได้เห็นสัญญาณมาก่อนหน้าหรือไม่
อ้างอิงจาก