กลายเป็นธรรมเนียมประจำของทุกปี ที่สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UN General Assembly) จะลงมติประณามนโยบายคว่ำบาตรคิวบาของสหรัฐฯ ที่ห้ามค้าขายระหว่างประเทศต่อเนื่องมานานกว่า 60 ปี
เช่นเดียวกับปีนี้ ซึ่งเป็นปีที่ 30 ของการโหวต – ที่ประชุมสมัชชาใหญ่ฯ ก็เพิ่งมีมติเมื่อวานนี้ (3 พฤศจิกายน) ในหัวข้อ ‘ความจำเป็นของการยุติการปิดล้อมทางเศรษฐกิจ พาณิชย์ และการเงิน ที่สหรัฐฯ กระทำต่อคิวบา’ ด้วยคะแนนเสียงเห็นชอบท่วมท้นจาก 185 ประเทศ ไม่เห็นชอบ 2 เสียง และงดออกเสียง 2 เสียง
แน่นอนว่า เสียงที่ไม่เห็นชอบ คือ สหรัฐฯ และอิสราเอล ส่วนประเทศที่งดออกเสียง คือ ยูเครน และบราซิล ขณะที่ไทยเป็น 1 ใน 185 ประเทศที่โหวตเห็นชอบ
เนื้อหาในร่างมติ ระบุถึงความกังวลว่า แม้จะมีการลงมติในหัวข้อเดียวกันมาแล้ว 29 ครั้ง แต่การปิดล้อมทางเศรษฐกิจ พาณิชย์ และการเงิน ที่กระทำต่อคิวบา ก็ยังคงมีผลอยู่ ซึ่งที่ประชุมเป็นห่วงถึงผลกระทบของมาตรการดังกล่าวต่อประชาชนชาวคิวบา จึงเรียกร้องให้สหรัฐฯ ยกเลิกกฎหมายและมาตรการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
ทางด้าน จอห์น เคลลี (John Kelly) ที่ปรึกษาด้านการเมืองของสหรัฐฯ อธิบายเหตุผลที่ควํ่าบาตรและโหวตไม่เห็นชอบ โดยอ้างถึงการชุมนุมในคิวบาเมื่อเดือนกรกฎาคม ปีที่ผ่านมา ที่สหรัฐฯ ระบุว่า มีประชาชนนับหมื่นออกมารวมตัวเพื่อเรียกร้องเสรีภาพ แต่ถูกรัฐบาลคิวบาปราบปรามอย่างรุนแรง
“สหรัฐฯ คัดค้านมตินี้ แต่เรายืนหยัดเคียงข้างประชาชนชาวคิวบา และจะพยายามหาทางสนับสนุนพวกเขาต่อไป เราเรียกร้องให้องค์กรนี้ ผลักดันให้ประชาชนคิวบาฟังเสียงของประชาชนชาวคิวบาและข้อเรียกร้องของพวกเขาในการกำหนดอนาคตต่อไป” สหรัฐฯ ระบุ
ขณะที่ ยูริ กาลา (Yuri Gala) ผู้แทนถาวรคิวบาประจำ UN แถลงตอบโต้สหรัฐฯ ว่า “คิวบาไม่ต้องการการสั่งสอนเกี่ยวกับประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน ยิ่งถ้ามาจากสหรัฐฯ ก็ยิ่งไม่ต้องการ” และเสนอด้วยว่า ถ้ารัฐบาลสหรัฐฯ สนใจในสวัสดิการและสิทธิมนุษยชนของชาวคิวบาจริงๆ ก็ควรจะยกเลิกมาตรการปิดล้อมคิวบาได้แล้ว
อ้างอิงจาก