ทศวรรษ 1970 ยุคที่วัฒนธรรมฮิปปี้กำลังรุ่งเรือง ท่ามกลางสภาพอากาศร้อนชื้นในเอเชีย กับสงครามเย็นที่ยังเดือดดาล ขณะนั้น ‘ชาร์ลส์ โสภราช’ (Charles Sobhraj) กำลังมองหาเหยื่อนักท่องเที่ยวชาวตะวันตก ที่กำลังเดินทางบนเส้นทางสายบุปผาชน (hippie trail) ในอินเดียและไทย
ว่ากันว่า เขาเกี่ยวข้องกับการสังหารเหยื่อที่อาจมากกว่า 20 คน ในระหว่างปี 1972 และ 1982 ทำให้เขากลายเป็นฆาตกรต่อเนื่อง ที่ต่อมาจะได้รับฉายาว่า ‘’Bikini Killer’ และ ‘The Serpent’ ซึ่งชื่อหลังนี้ BBC และ Netflix หยิบยกไปใช้เป็นชื่อซีรีส์เกี่ยวกับตัวเขา ที่ออกฉายเมื่อปี 2021 ด้วย
โสภราช ซึ่งปัจจุบันอายุ 78 ปี เกิดที่เมืองไซ่ง่อน เวียดนาม ในสมัยที่อยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศส ก่ออาชญากรรมจนติดคุกครั้งแรกที่ปารีสเมื่อปี 1963 ข้อหาลักทรัพย์ ต่อมากลายมาเป็นอาชญากรในอีกหลายประเทศ ได้แก่ กรีซ ตุรกี อิหร่าน อัฟกานิสถาน ปากีสถาน เนปาล อินเดีย ไทย และมาเลเซีย
แน่นอนว่าความเคลื่อนไหวของเขาไม่พ้นสายตาตำรวจตลอดไป ครั้งสุดท้ายที่โสภราชถูกจับกุมตัวคือที่เนปาล เมื่อปี 2003 ก่อนจะต้องใช้โทษจำคุก 2 คดี คดีละ 20 ปี จากการสังหารหญิงชาวอเมริกัน คอนนี โจ บรอนซิช (Connie Jo Bronzich) และ ลอเรนต์ แคร์เรียร์ (Laurent Carrière) เพื่อนนักท่องเที่ยวชาวแคนาดาของเธอ
…แต่โทษจำคุกดังกล่าว ก็เป็นการจองจำที่โสภราชกำลังจะหลุดพ้นแล้ว หลังศาลสูงสุด (Supreme Court) ของเนปาล มีคำสั่งปล่อยตัว เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (21 ธันวาคม)
ก่อนหน้านี้ โสภราชเคยเข้าเรือนจำที่อินเดียมาแล้วกว่า 21 ปี ด้วยข้อหาฆาตกรรม นับตั้งแต่ปี 1976 แต่ก็เคยแหกคุกออกมาในช่วงสั้นๆ เมื่อปี 1986 ด้วยการจัดปาร์ตี้ในคุกและมอมยาผู้คุม สุดท้ายถูกจับกุมตัวคืนสู่เรือนจำได้ โดยจะพ้นโทษและเดินทางกลับฝรั่งเศสเมื่อปี 1997
การแหกคุกครั้งดังกล่าว รวมถึงความสามารถในการหลบหลีกและปลอมตัว จึงเป็นที่มาของฉายา ‘The Serpent’ ของเขา
โสภราชยังออกมาอ้างในภายหลังอีกว่า การแหกคุกที่อินเดียครั้งนั้น เป็นกลอุบายให้โทษของเขาถูกยืดระยะเวลาออกไป จะได้ไม่ต้องถูกส่งตัวในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนมาที่ไทย ซึ่งตอนนั้น ไทยได้ออกหมายจับโสภราชในข้อหาวางยาและฆ่าหญิงในชุดบิกินี่ 6 ราย ที่ชายหาดในพัทยา (การที่เขาสนใจแต่เหยื่อที่เป็นหญิงใส่บิกินี่ จึงเป็นที่มาของอีกฉายาว่า ‘Bikini Killer’ ด้วย)
ตัดภาพกลับมาที่ปัจจุบัน หลังจากที่ทีมกฎหมายของเขายื่นคำร้องขอลดโทษจำคุกได้สำเร็จ โดยอ้างถึงอายุของเขา และความประพฤติที่ดี ศาลสูงสุดเนปาลก็อนุญาตให้ปล่อยตัวได้ อิงจากกฎหมายเนปาลที่ให้นักโทษออกจากเรือนจำได้ ถ้าประพฤติตัวดี และใช้โทษจำคุกไป 75% แล้ว
“การขังเขาไว้ในเรือนจำต่อไป ไม่สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนของนักโทษ” คือส่วนหนึ่งของคำพิพากษา ที่มีการรายงานโดยสำนักข่าว AFP คำพิพากษาของศาลยังอ้างถึงอีกหนึ่งในปัจจัยในการปล่อยตัว คือ การที่เขาต้องเข้ารับการรักษาโรคหัวใจเป็นประจำ
ด้านทนายความของโสภราช ระบุว่า เขาอาจถูกปล่อยตัวจากเรือนจำเร็วสุดวันนี้ (22 ธันวาคม) โดยได้ถูกสั่งเนรเทศกลับฝรั่งเศสภายใน 15 วัน
อ้างอิงจาก