เพียงแค่เราไม่เคยมี ‘เพศสัมพันธ์’ ก็จะถูกปฏิเสธการรักษาเลยหรอ? คำตอบคือใช่ เพราะมีผู้หญิงจำนวนมากได้ออกมาเปิดเผยว่า ‘เพราะพวกเธอยังเวอร์จิ้น เลยถูกปฏิเสธจากการรักษา ที่จำเป็นต้องตรวจภายในช่องคลอด’
“ไม่ควรมีผู้หญิงคนไหนถูกปฏิเสธการเข้าถึงการรักษาพยาบาล เพราะ ‘พรหมจรรย์’” ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งสหาราชอาณาจักร (Royal College of Obstetricians and Gynaecologists) กล่าว โดยตามการรายงานของ VICE World News มีผู้หญิงมากกว่า 200 คน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในสหราชอาณาจักร ออกมาเปิดเผยว่า พวกเธอก็เคยมีประสบการณ์ถูกเลือกปฏิบัติเช่นนี้
ราณี ธาการ์ ที่ปรึกษาราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์ กล่าวว่า บุคลากรทางการแพทย์ต้องไม่เผยแพร่ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับ ‘พรหมจรรย์’ ในขณะที่ให้บริการดูแลสุขภาพทางเพศ และอนามัยการเจริญพันธุ์ของพวกเธอ
ผู้หญิงส่วนหนึ่ง เล่าว่าพวกเธอถูกปฏิเสธการตรวจอัลตราซาวนด์ทางช่องคลอด ซึ่งเป็นการตรวจภายในที่ช่วยหาสาเหตุของสภาวะต่างๆ เช่น อาการปวดกระดูกเชิงกราน เลือดออกหรือซีสต์โดยไม่ทราบสาเหตุ
ถึงแม้ในอังกฤษจะมีแนวทางการอัลตราซาวนด์ที่ระบุชัดเจนว่า ‘แนวคิดเรื่องพรหมจรรย์ คือ สิ่งประกอบสร้างทางสังคมที่ไม่มีความเป็นจริงในทางชีวภาพ’ แต่แนวคิดเหล่านี้ยังคงมีผลต่อการตัดสินใจในการเลือกวินิจฉัยของแพทย์
ด้านฮันนาห์ บราวน์ รองหัวหน้าพรรคความเสมอภาคของผู้หญิง (Women’s Equality Party) ให้ความเห็นในฐานะแพทย์ นักการเมือง และสตรีพิการ ไว้อย่างชัดเจนว่า การเลือกปฏิบัติและความไม่เท่าเทียมในการดูแลสุขภาพนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สมควรเกิดขึ้นเพราะจะมีผลกระทบที่ร้ายแรงตามมา
“นี่เป็นตัวอย่างหนึ่ง ที่เราจำเป็นต้องปรับปรุงการฝึกอบรมบุคลากรทางการแพทย์ และฝังความเท่าเทียมในหลักสูตร รวมถึงการปฏิบัติงาน ..ไม่ใช่ปฏิเสธการดูแลสุขภาพของผู้หญิง เพราะแนวคิดที่ไร้เหตุผลอย่างเรื่องพรหมจรรย์”
ผู้หญิงคนหนึ่ง ออกมาเล่าประสบการณ์ขณะที่ใช้บริการคลินิกแห่งหนึ่งว่า เธอไปเพื่อตรวจหาถุงน้ำในรังไข่หลายใบ แต่นักอัลตราซาวด์กลับบอกว่า “ไม่อนุญาตให้มีการตรวจเพราะฉันยังบริสุทธิ์ และเริ่มพูดถึงเรื่องศาสนา เรื่องเพศสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง” นั่นสร้างความตกใจให้เธออย่างมาก ที่ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ปฏิเสธการรักษาของด้วยเหตุผลเช่นนี้
นอกจากนี้ ยังมีผู้หญิงอีกหลายคน ที่แบ่งปันประสบการณ์คล้ายกัน บางรายร้ายแรงจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด อาทิ ผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องได้รับการผ่าตัดฉุกเฉิน เพื่อเอาซีสต์ขนาดเท่าผลส้มและรังไข่ออก ซึ่งเหตุการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าเธอไม่ถูกปฏิเสธการตรวจภายในก่อนหน้า
ยิ่งไปกว่านั้น บางคนถึงขั้นถูกปฏิเสธการตรวจมะเร็งปากมดลูก เพียงเพราะพวกเธอไม่เคยมีเพศสัมพันธ์แบบสอดใส่ ซึ่งสาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูกเกิดจากการติดเชื้อไวรัส ที่แพร่กระจายผ่านการสัมผัสแบบเนื้อแนบเนื้อในบริเวณอวัยวะเพศ การมีเพศสัมพันธ์ทางปาก หรือการแบ่งปันเซ็กส์ทอย นั่นถึงเป็นสาเหตุว่าทำไมทุกคนสมควรมีสิทธิ์ที่จะตรวจคัดกรองอย่างเหมาะสม
ข้อมูลขององค์กรการกุศลด้านมะเร็งปากมดลูก (Jo’s Cervical Cancer Trust) เป็นอีกเสียงที่ช่วยยืนยันเหตุผลดังกล่าว โดยระบุว่า ผู้หญิงอายุระหว่าง 25 – 64 ปีที่มีปากมดลูก ล้วนมีสิทธิ์ได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก แม้ว่าประวัติการมีเพศสัมพันธ์อาจส่งผลต่อความเสี่ยงที่มากกว่า
ทั้งนี้ ความกังวลเกี่ยวกับการ “ทำลาย” เยื่อพรหมจรรย์ระหว่างการตรวจทางนรีเวช เกิดจากตำนานที่เล่าว่าเยื่อพรหมจรรย์เป็นตัวบ่งชี้กิจกรรมทางเพศ เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้แพทย์ปฏิเสธการตรวจร่างกายของผู้หญิง
“ผู้หญิงทุกคนสมควรได้รับการดูแลสุขภาพทางเพศ และอนามัยการเจริญพันธุ์ของตนเอง และไม่มีบุคลากรทางการแพทย์คนใดควรสานต่อความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับความบริสุทธิ์” เอ็ดเวิร์ด มอร์ริส ประธานวิทยาลัยสูตินรีแพทย์ กล่าวปิดท้าย
อ้างอิงจาก