เมื่อถูกมายาคติที่ว่าด้วยความสะอาดของจุดซ่อนเร้นกรอกหูอยู่ทุกวันจนหมดความมั่นใจ จะทำอย่างไรดี?
เราก็อยู่ของเราดีๆ แต่ก็มีใครไม่รู้ไปสร้างมาตรฐานว่าน้องที่ดี คือน้องที่หอมสดชื่นเหมือนดอกไม้ ขาวเนียนใสราวผิวเด็กแรกเกิด ทำให้มีผลิตภัณฑ์แปลกประหลาดออกมาเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นยาสอดไม่รู้ที่มาที่ไป ชุดสวนล้างดับกลิ่น ครีมทาขาวใส สบู่ที่ใช้แล้วหอมทะลุกางเกง แต่รู้ไหมว่าเราไม่จำเป็นต้องวิ่งตามมาตรฐานที่สร้างโดยใครก็ไม่รู้ มาดูความจริงกันเถอะว่ามันเป็นอย่างไร
น้องมีกลิ่นปลาเค็ม?
จากคำพูดเล่นตลก (ที่ไม่เห็นจะตลกสักนิด) ของคนจำนวนหนึ่ง ทำลายความมั่นใจของคนจำนวนมาก ทำให้สบู่ล้างน้องที่ล้างแล้วหอม สเปรย์ดับกลิ่นน้อง จนถึงยาสอดปริศนาที่กล่าวอ้างว่าช่วยขจัดกลิ่นได้ ออกมาวางขายและโฆษณากันอย่างโจ๋งครึ่มเต็มไปหมด
ช่องคลอดจะมีกลิ่นตามธรรมชาติ (ที่ไม่ใช่กลิ่นปลาเค็มอย่างที่เอามาเล่นตลกกัน) อยู่แล้ว และเราไม่จำเป็นต้องพรมน้ำหอมเพื่อดับกลิ่นมันแต่อย่างใด กลิ่นนี่แหละที่จะช่วยบ่งบอกสุขภาพของน้องได้ว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ หากได้กลิ่นไม่พึงประสงค์ที่ไม่ใชกลิ่นตามธรรมชาติ เราอาจมีการติดเชื้ออะไรบางอย่างได้
แม้ว่าในทางวิทยาศาสตร์ มีสารหนึ่งที่ชื่อว่า Trimethylamine เป็นสารที่ทำให้เกิดกลิ่นคาวในปลา และสามารถพบได้ในน้องของเรา หากเรากำลังเจอกับภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย หรือกำลังเป็นโรคพยาธิในช่องคลอด แต่นั่นหมายความว่าควรต้องไปพบแพทย์ เพื่อทำการรักษาให้ถูกวิธี
ช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย เป็นการติดเชื้อแบคทีเรียในระดับที่ไม่รุนแรงมาก เกิดขึ้นเพราะแบคทีเรียในช่องคลอดเสียสมดุลจากการมีแบคทีเรียที่ไม่ดีมากเกินไป ซึ่งแบคทีเรียเหล่านี้เป็นแบคทีเรียที่สร้างกลิ่นคาวปลาได้จริง แต่ก็อาจเป็นสัญญาณบอกว่าเราอาจกำลังติดเชื้ออื่นที่รุนแรงกว่านี้อยู่
ส่วนโรคพยาธิในช่องคลอดนั้นเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้บ่อย ซึ่งกลิ่นคาวปลาก็เป็นหนึ่งในอาการของโรคนี้ และถ้าปล่อยไว้นาน ไม่รักษาให้หาย พยาธิสามารถอยู่ในร่างกายได้เป็นเวลาหลายเดือนหรือหลายปี และสามารถติดต่อไปสู่คู่นอนหรือลูกในครรภ์ตอนที่คลอดลูกได้เลย
ถ้ารู้สึกว่าน้องของเรามากลิ่นแปลกไป สิ่งแรกที่ควรทำไม่ใช่การสรรหาสบู่มาใช้ สวนล้างภายใน กินแคปซูลปริศนา สอดยาที่ไม่รู้ที่มาที่ไป ปะพรมน้ำหอม แต่ควรรีบบึ่งไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด
การล้างน้องด้วยน้ำเปล่าไม่เพียงพอ?
ในขณะที่แพทย์หลายคนแนะนำให้ล้างน้องด้วยน้ำเปล่า แต่ก็ยังมีกลุ่มคนที่กระจายความเชื่อว่า รู้ไหมว่าล้างด้วยน้ำเปล่ามันไม่เพียงพอ ต้องล้างด้วยสบู่สิดี และพ่วงมาด้วยการขายสบู่ปริศนาที่เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าปลอดภัยหรือไม่
ที่จริงแล้ว การล้างน้องด้วยน้ำเปล่าก็เพียงพอ เราไม่จำเป็นต้องสวนล้างหรือใช้สบู่สำหรับจุดซ่อนเร้นแต่อย่างใด เพราะช่องคลอดมีกลไกการทำความสะอาดตัวเอง และช่องคลอดที่สุขภาพดี คือช่องคลอดที่มีแบคทีเรียดีตามธรรมชาติกระจายตัวกันอยู่ ดังนั้นการสวนล้างช่องคลอดหรือการใช้สบู่ที่มีส่วนประกอบไม่เหมาะสมอาจทำให้สมดุลแบคทีเรียเปลี่ยนไป และสามารถทำให้มีโอกาสติดเชื้ออื่นตามมา
แต่ถ้าพูดถึงบริเวณภายนอกของน้อง การดูแลรักษาความสะอาดก็เป็นเรื่องสำคัญ และการทำความสะอาดบริเวณภายนอกที่ดีที่สุดคือน้ำอุ่น แต่ถ้าอยากใช้สบู่จริงๆ ต้องรู้ไว้ก่อนว่า อะไรก็ตามที่เราใช้ล้างบริเวณภายนอก สามารถเข้าไปในบริเวณช่องคลอดได้อย่างง่ายดาย
(เน้นว่า ถ้าอยากใช้จริงๆ) ก็ควรดูส่วนผสมของสบู่ให้ถี่ถ้วน สบู่ที่พอใช้ได้จะต้องเป็นสบู่อ่อน มีค่า pH ที่เหมาะสมกับน้องของเราที่ 4-5 ใช้สารลดแรงตึงผิวแบบอ่อนโยน และไม่มีน้ำหอม สบู่ที่มีน้ำหอมจะทำให้ผิวของน้องแห้ง และ pH ของช่องคลอดเปลี่ยนไป นำมาซึ่งความคันและการติดเชื้อ
สีดำคล้ำ = ไม่สะอาด?
อีกหนึ่งความเชื่อแสนท็อกซิกที่ว่าด้วยสีของน้องที่มีความเข้มกว่าสีผิวส่วนอื่น คือน้องที่ไม่สะอาด และน้องที่ผ่านการใช้งานมามาก เราจึงเห็นผลิตภัณฑ์ที่ชูความขาวใสของน้องในทุกรูปแบบ ซึ่งในความเป็นจริง น้องของเราไม่ได้จำเป็นต้องขาวใสอะไรเลย
การที่น้องของเรามีสีเข้มนั้นเป็นเรื่องปกติ เมื่อเราเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ น้องจะมีการเปลี่ยนสีไปในทางเข้มขึ้นอยู่แล้วเพราะการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน สีของแต่ละคนก็จะแตกต่างกันไป แต่ส่วนมากก็จะเข้มกว่าสีผิวในบริเวณอื่น นอกจากนี้การเปลี่ยนสียังเกิดขึ้นได้ในช่วงตั้งครรภ์ และการแก่ตัวของเราด้วย
แต่การใช้ชีวิตก็มีส่วนอยู่บ้างในการทำให้น้องเปลี่ยนสี อย่างการเสียดสีของกางเกงใน การโกนขน การใช้น้ำยากำจัดขน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็เป็นเรื่องปกติ เราใส่กางเกงในกันเป็นปกติ เรากำจัดขนบ้างก็เป็นเรื่องปกติ ดังนั้นจึงไม่มีอะไรที่ต้องกังวลเกี่ยวกับสีที่เข้มขึ้นเลย เพราะนี่คือการใช้ชีวิต เราห้ามอะไรมันไม่ได้
แต่ก็มีวิธีที่จะช่วยลดการเข้มขึ้นของน้องได้อยู่บ้าง อย่างการเลือกใส่กางเกงในและเสื้อผ้าที่ไม่รัดน้องมากจนเกินไป การหลีกเลี่ยงการโกนขนและใช้น้ำยากำจัดขนบ่อย เพราะนอกจากจะเกิดการเสียดสีแล้ว การโกนขนและใช้น้ำยากำจัดขนนั้นสามารถทำให้เกิดขนคุดกับจุดด่างดำตามมา
ยกเว้นเสียแต่ว่าอยู่ๆ ก็มีการเปลี่ยนสีเข้มขึ้นแบบฉับพลัน และมีอาการระคายเคืองหรือคันร่วมด้วย นั่นอาจหมายความว่าเรากำลังติดเชื้อ หรือระคายเคืองจากการแพ้อะไรบางอย่าง ควรไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุดก่อนที่จะลุกลามมากไปกว่านี้
การดูแลความสะอาดของน้องนั้นไม่จำเป็นต้องมีอะไรหวือหวาเลย แค่ล้างด้วยน้ำเปล่า ซับให้แห้ง เลือกใส่กางเกงในที่ไม่รัดแน่น และหมั่นสังเกตสุขภาพของน้องเราอยู่เสมอก็เพียงพอแล้ว
อ้างอิงข้อมูลจาก
Illustration by Kodchakorn Thammachart