นับตั้งแต่การสังเคราะห์ภาพด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) กลายเป็นกระแสเมื่อปีที่แล้ว งานศิลปะเหล่านั้นก็กลายเป็นประเด็นถกเถียงกันอย่างมากในหมู่ศิลปิน จนล่าสุด ศิลปินบางคนเริ่มออกมาต่อสู้ทางกฎหมายกับบริษัทผู้สร้าง AI ด้วยข้อกล่าวหาว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ เพราะศิลปินไม่เคยให้ความยินยอม หรือได้รับการชดเชยเลย
เรื่องเริ่มต้นขึ้น เมื่อกลุ่มศิลปินในประเทศสหรัฐฯ ได้ยื่นฟ้องต่อบริษัทผู้พัฒนา AI อาทิ Stability AI, Midjourney และ DeviantArt ในข้อหาละเมิดกฎหมายรัฐบัญญัติลิขสิทธิ์แห่งสหัสวรรษดิจิทัล (Digital Millennium Copyright Act) เนื่องจากการเผยแพร่และการแข่งขันที่ผิดกฎหมาย
โดยทางตัวแทนของศิลปินคนหนึ่ง กล่าวว่า ต้องการยุติกรณีการละเมิดลิขสิทธิ์ที่เกิดขึ้น “ก่อนที่อาชีพของพวกเราจะถูกกำจัดโดยโปรแกรมคอมพิวเตอร์”
สำหรับ การออกมาเคลื่อนไหวของศิลปินในครั้งนี้ ก็มีเสียงค้านเช่นกัน อย่างหนึ่งในนักวิเคราะห์ AI ที่สนับสนุนสิทธิของศิลปินได้ แต่ก็ออกมาวิจารณ์การฟ้องร้องด้วยข้อกังวลว่า คดีลักษณะนี้อาจทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี โดยเฉพาะอาจก่อให้เกิดความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการทำงานของ AI
เขายังกล่าวเสริมว่า ถ้าระบบการสังเคราะห์ภาพของ AI ถูกควบคุมอย่างดี จะทำให้เกิดภาพที่แปลกใหม่ โดยที่ไม่ซ้ำกับงานที่มีอยู่ ก็อาจทำให้ข้อโต้แย้งของกลุ่มศิลปินในเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์นั่นไม่ได้ผล
อย่างไรก็ดี ข้อกล่าวหาอื่นๆ ต่อบริษัท AI เช่น การแข่งขันที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย อย่างการจำลองแบบงานของศิลปิน แล้วใช้เครื่องจักรผลิตซ้ำ รวมถึงการละเมิดสิทธิ์ในการเผยแพร่ ให้คนทั่วไปเข้าถึงผลงานศิลปะ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตจากศิลปิน ก็อาจจะนำชัยชนะมาให้ในการยื่นฟ้องคดีครั้งนี้ได้
ทั้งนี้ หากเข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณาคดีแล้ว ศาลจะต้องแยกแยะความแตกต่างระหว่างการละเมิดจริยธรรมและการละเมิดกฎหมาย ซึ่งบรรดาศิลปินต่างหวังให้คำตัดสินจะเป็นข้อพิสูจน์ว่า บริษัทเหล่านี้ได้รับประโยชน์และทำกำไรมหาศาลจากการใช้ภาพที่มีลิขสิทธิ์ เพื่อให้สามารถเรียกร้องค่าเสียหาย รวมถึงหยุดยั้งการสร้างงานศิลปะโดยบริษัทผู้ผลิต AI ดังกล่าว
อ้างอิงจาก