นอกจาก metaverse ที่กำลังฮิตติดทุกบทสนทนากันอยู่ตอนนี้ คุณเคยได้ยินคำอย่าง data fabric, cybersecurity mesh หรือ decision intelligence ไหม?
ในโลกของเทคโนโลยีที่เวลาดูจะหมุนเร็วกว่าโลกปกติ จนเกิดอะไรล้ำๆ ขึ้นมาหลายอย่าง ทุกๆ ปี บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Gartner จึงช่วยวิเคราะห์เทรนด์ของเทคโนโลยีที่จะมีบทบาทสำคัญต่อธุรกิจและส่งผลชีวิตของเราเอาไว้ให้
ในปีนี้ Gartner ได้พูดถึง 12 เทรนด์ ที่คาดว่าจะเร่งสปีดโลกธุรกิจและนวัตกรรมดิจิทัลในอีกสามถึงห้าปีข้างหน้า ลองมาดูกันดีกว่าว่า มีเทคโนโลยีอะไรอีกบ้างที่องค์กรน่าลงทุน รวมถึงจะมีผลต่อชีวิตด้านต่างๆ ของเราในปี ค.ศ.2022 ที่กำลังจะมาถึงนี้
1. Data Fabric (ข้อมูลที่เป็นผืนเดียวกัน)
โลกเรากำลังมีข้อมูลเพิ่มๆ ขึ้นแบบไม่หยุด สิ่งที่จำเป็นอย่างมากในอนาคต คือ เทคโนโลยีที่จัดการข้อมูลที่กระจายกันอยู่ตามจุดต่างๆ ของโลกให้ดูต่อเนื่องเหมือนเป็นข้อมูลผืนเดียวกัน แล้วทำให้เราสามารถดึงข้อมูลมาใช้งานได้ทันทีไม่ว่าจะอยู่ที่ใด data fabric ยังสามารถเรียนรู้การดึงข้อมูลมาใช้และแนะนำการจัดการข้อมูลได้ด้วย นั่นทำให้เราสามารถลดภาระในการจัดการข้อมูลลงได้ถึง 70%
2. Cybersecurity Mesh (โครงข่ายความปลอดภัยทางไซเบอร์)
ในช่วงเวลาของทำงานระยะไหลแบบนี้ เราจำเป็นต้องมีสถาปัตยกรรมทางเทคโนโลยีที่ช่วยให้ทุกคนสามารถเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างปลอดภัยไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม เพื่อให้เรามั่นใจถึงความปลอดภัยของข้อมูลที่มีความเปราะบางทั้งหลาย แนวคิดในการสร้างระบบที่อนุญาตให้ผู้ใช้กำหนดพื้นที่หรือระบุตัวตนเพื่อใช้ทรัพยากรได้จึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่หลายองค์กรต้องลงทุน เพื่อป้องกันปัญหาข้อมูลรั่วไหลแบบที่เห็นกันอยู่
3. Privacy-Enhancing Computation (การประมวลผลเพื่อความเป็นส่วนตัว)
ในยุคที่มีกฎกติกาและความกังวลจากสาธารณะเกี่ยวกับการใช้และปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลมากขึ้น หลายองค์กรจึงต้องเร่งพัฒนาระบบและสภาพแวดล้อมทางเทคโนโลยีเพื่อจะประมวลผลข้อมูลได้อย่างปลอดภัย รวมถึงสามารถส่งต่อข้อมูลเหล่านั้นเพื่อประมวลผลข้ามองค์กรด้วย เทคโนโลยีด้านความปลอดภัยต่างๆ จึงถูกนำมาใช้เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลได้ในขณะที่ยังเป็นไปตามข้อกำหนด และลดความกังวลของผู้บริโภค
4. Cloud-Native Platforms (แพลตฟอร์มบนเทคโนโลยีคลาวด์)
ในยุคนี้และยุคต่อๆ ไป เราจะได้เห็นการพัฒนาแอพฯ ที่รองรับการประมวลผลบนคลาวด์โดยแอพฯ เหล่านั้นจะออกแบบมาให้มีความยืดหยุ่น เพื่อให้เข้ากับการประมวลผลบนคลาวด์ที่ทันสมัย สามารถเพิ่มลดขนาดได้อย่างรวดเร็วตามความต้องการ และประหยัดค่าใช้จ่าย เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่รวดเร็ว
5. Composable Applications (แอพฯ ที่แยกส่วนและประกอบใหม่เพื่อธุรกิจ)
ปีที่แล้ว Gartner พูดถึง intelligent composable business หรือการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีที่ทำให้สามารถหยิบใช้ข้อมูลต่างๆ แบบอัตโนมัติ และสร้างบริการใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ปีนี้ จึงเกิดคำใหม่อย่าง composable applications หรือการสร้างองค์ประกอบทางเทคโนโลยีโดยอิงจากโมดูลของธุรกิจเป็นหลัก แล้วทำให้แอพฯ ต่างๆ ที่สร้างขึ้นนั้น สามารถนำโค้ดกลับมาประกอบหรือใช้ใหม่ได้ เร่งเวลาในการออกสู่ตลาดสำหรับบริการใหม่ๆ และรองรับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่รวดเร็ว
6. Decision Intelligence (เทคโนโลยีสำหรับการตัดสินใจอย่ามีประสิทธิภาพ)
การตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งที่ทุกองค์กรต้องการ เทคโนโลยีที่ช่วยเรียนรู้ข้อมูล วิธีการตัดสินใจ วิเคราะห์ผลลัพธ์ เรียนรู้สิ่งใหม่ และปรับแนวทางการตัดสินใจให้ดีขึ้นเพื่อแนะนำมนุษย์ได้ จึงเป็นที่ต้องการอย่างมาก
7. Hyperautomation (ระบบอัตโนมัติขั้นสูง)
การผสมผสานเทคโนโลยีต่างๆ ที่ทำให้เกิดระบบอัตโนมัติจะยังคงมีต่อไปและเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เทคโนโลยีและวิธีการที่ช่วยให้องค์กรสามารถทำให้กระบวนการเกิดความเป็นอัตโนมัติให้มากที่สุดจึงยังจะเป็นที่สนใจในปีหน้า เพราะมันจะสามารถช่วยเพิ่มคุณภาพของงาน เร่งกระบวนการทำงาน และช่วยให้ตัดสินใจได้ว่องไวขึ้น
8. AI Engineering (วิศวกรรมปัญญาประดิษฐ์)
AI ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่องค์กรก็พยายามทำให้ AI เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการพัฒนาและการทำงานต่างๆ ดังนั้น องค์กรจึงต้องมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและทีมงานที่เชี่ยวชาญด้านนี้ เพื่อให้สามารถปรับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มมูลค่าให้องค์กรได้จริง เป็นไปตามหลักธรรมภิบาลและเป็นไปตามกฎปฏิบัติต่างๆ
9. Distributed Enterprises (องค์กรกระจายศูนย์)
เมื่อวิถีการทำงานไม่จำเป็นต้องอยู่แค่ในออฟฟิศ องค์กรก็ย่อมต้องออกแบบและปรับปรุงโครงสร้างทางเทคโนโลยีให้รองรับตามความต้องการ จึงเกิดรูปแบบธุรกิจที่เน้นการทำงานด้วยดิจิทัลและระยะไกล ตามมาด้วยการปรับใช้เทคโนโลยีที่สร้างประสบการณ์ที่ดีให้พนักงาน ผู้บริโภค และคู่ค้า ผ่านทางดิจิทัล
10. Total Experience (การออกแบบประสบการณ์รอบด้าน)
การออกแบบประสบการณ์ในยุคนี้ จะไม่ได้มุ่งเน้นแค่ผู้ใช้หรือลูกค้าเป็นหลัก หากแต่ต้องรวมเอาประสบการณ์ที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งจากผู้ให้และผู้รับบริการ รวมถึงในทุกๆ ช่องทางที่เป็นไปได้ และนั่นจะนำไปสู่ความเชื่อมั่น ความพึงพอใจ และความภักดีที่เราจะได้รับทั้งจากพนักงานและลูกค้า
11. Autonomic Systems (ระบบการทำงานที่ปรับตัวกับความไม่แน่นอน)
โลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทำให้มีความพยายามในการคิดค้นและปรับใช้ระบบที่เรียนรู้จากสภาพแวดล้อมและปรับเปลี่ยนอัลกอริธึมของตนเองได้แบบเรียลไทม์ ทั้งในทางกายภาพและซอฟต์แวร์ ระบบนี้สร้างด้วยชุดความสามารถทางเทคโนโลยีที่คล่องตัว สามารถรองรับความต้องการและสถานการณ์ใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และป้องกันการโจมตีได้ โดยปราศจากการแทรกแซงของมนุษย์
12. Generative AI (ปัญญาประดิษฐ์ที่สร้างสรรค์สิ่งใหม่แต่ไม่ซ้ำเดิม)
ในโลกที่ดูเหมือนจะมีนวัตกรรมใหม่เกิดขึ้นตลอดเวลา การคิดอะไรใหม่ๆ เลยดูจะเป็นเรื่องท้าทายสำหรับมนุษย์ ยุคนี้จึงเกิด AI ที่สามารถเรียนรู้จากข้อมูล และสร้างนวัตกรรมใหม่ที่คล้ายกับของเดิมแต่ไม่ทำซ้ำได้ โดย generative AI มีศักยภาพในการสร้างเนื้อหาสร้างสรรค์รูปแบบใหม่ อย่างรูปภาพหรือวิดีโอ รวมถึงเร่งวงจรการวิจัยและพัฒนาในด้านต่างๆ ตั้งแต่การแพทย์ไปจนถึงการสร้างผลิตภัณฑ์ ปัจจุบันมีการใช้เทคโนโลยีนี้ในการพัฒนายาใหม่ๆ แล้ว
ทั้ง 12 เทรนด์เทคโนโลยีนี้ จะส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงสำคัญต่อองค์กร 3 ข้อ คือ
- ความน่าเชื่อถือทางวิศวกรรม (Engineering Trust): เทคโนโลยีเหล่านี้สร้างรากฐานด้านไอทีที่ยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้มั่นใจว่าข้อมูลจะถูกรวมและประมวลผลอย่างปลอดภัยยิ่งขึ้นทั้งบนคลาวด์และไม่ใช่คลาวด์ และทำให้บริษัทสามารถสเกลโครงสร้างด้านไอทีได้อย่างคุ้มค่า
- การเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปร่าง (Sculpting Change): การเปิดตัวโซลูชันเทคโนโลยีใหม่ที่สร้างสรรค์ จะทำให้องค์กรสามารถปรับขนาดและเร่งความเร็วของการทำองค์กรให้เป็นดิจิทัลได้ แนวโน้มเทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยให้คุณตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยการสร้างแอพฯ ให้เร็วขึ้นเพื่อทำให้กิจกรรมทางธุรกิจเป็นอัตโนมัติทั้งหมด เพิ่มประสิทธิภาพปัญญาประดิษฐ์ (AI) และช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดยิ่งขึ้น
- การเติบโตแบบก้าวกระโดด (Accelerating Growth): การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเหล่านี้ องค์กรจะสามารถทวีคูณความสามารถด้านดิจิทัล ที่จะทำให้เอาชนะทางธุรกิจและเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดได้
อ้างอิงข้อมูลจาก
Illustration by Waragorn Keeranan