ถ้าใครชอบเล่นสื่อโซเชียลอยู่บ่อยๆ อาจจะเคยเห็นโฆษณาหรือคอนเทนต์ของแบรนด์พรีมายาผ่านหน้าไทม์ไลน์มาบ้าง แล้วในขณะนี้เจ้าของแบรนด์นี้อย่าง ‘เม พรีเมยา’ ก็กำลังเป็นประเด็นอีกครั้ง
ย้อนกลับไปเมื่อวานนี้ (19 มกราคม) เวลา 07.00 น. ตำรวจได้นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านของเม พรีมายาในข้อหาหลอกลวงและผิด พ.ร.บ. คอมฯ แต่ไม่พบตัวเธอ ซึ่งหลังจากนั้นเวลา 16.00 น. ในวันเดียวกัน เม พรีมายา ได้เดินทางเข้ามอบตัว และให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียง ‘ข้อผิดพลาด’ พร้อมที่จะแก้ไขตามกระบวนการ และเธอยังกล่าวเสริมว่า “ไม่ได้สร้างเรื่อง หลอกลวง หรือชวนเชื่อ”
อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดการจับกุมขึ้นทำให้มีกระแสการถกเถียงเกี่ยวกับประเด็นนี้ขึ้นมา อาทิ ทำไมพรี มายาถึงถูกหมายจับ? หรือ เธอรวยจากการเป็นเจ้าของธุรกิจอาหารเสริมและเครื่องสำอาง เท่านั้นจริงๆ ใช่ไหม? เพราะไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตและผลกำไรจากธุรกิจต่อปีของเธอนั้นค่อนข้างส่วนทางกัน อย่างไรก็ดี เธอเคยมีเป็นประเด็นในลักษณะนี้มาก่อนแล้วในโลกออนไลน์
The MATTER จึงขอมาสรุปข่าวใหญ่ประจำช่วงนี้ เพื่อให้ทุกคนเข้าใจกันว่า พรีมายา’ คือใคร แล้วเธอเคยมีประเด็นอะไรบ้างจนนำมาสู่การเข้าจับกุมเธอในวันนี้
1. เม พรีมายา หรือ พิชญ์นรี ตันติวิทย์ อายุ 28 ปี เธอเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์อาหารเสริมภายใต้แบรนด์ พรีมายา (PRIMAYA) ซึ่งเธอเป็นคนจังหวัดนครศรีธรรมราช เกิดในครอบครัวชาวสวน โดยเธอมักจะเล่าชีวิตวัยเด็กของเธอว่าลำบาก เพราะเรียนโรงเรียนวัด ไม่มีน้ำประปาใช้ และต้องทำงานหาเงินตั้งแต่เด็กๆ
เมื่อเมเรียนอยู่มัธยมศึกษาปีที่ 3 เธอได้เริ่มต้นธุรกิจแรก คือการขายน้ำอะโวคาโด และเริ่มทำสบู่ภายใต้แบรนด์ของตัวเอง อย่างไรก็ดีเมื่อเมเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัย เธอได้กลายเป็นเน็ตไอดอลทำให้มีคนรู้จักเธอมากมาย ดังนั้นเธอจึงใช้ประโยชน์จากตรงนี้โดยการขายสินค้าออนไลน์จนสามารถสร้างรายได้ให้กับตัวเองเป็นจำนวนมาก
ต่อมาหลังจากเธอมีทุนมากพอ เมจึงสร้างแบรนด์ มายา (MAYA) ที่มีสินค้าเป็นลิปติกและมาสคาร่า จนกระทั่งเมื่อเธอเรียนจบเธอจึงหันไปประกอบธุรกิจขายอาหารเสริมเพื่อช่วยลดน้ำหนักแทน ภายใต้ชื่อแบรนด์พรีมายา ซึ่งเธอดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่ปี 2558 และได้จดทะเบียนเมื่อปี 2560
ทั้งนี้เธอมีชื่อเสียงในโลกโซเชียลมากพอสมควร โดยเฉพาะใน TikTok เพราะเธอมักจะถ่ายวิดิโอทำคอนเทนต์การใช้เงิน ซื้อของแบรนด์เนม ซื้อบ้านเงินสด ฯลฯ เพื่อเป็นการชักจูงให้คนมาเป็นตัวแทนหรือซื้อสินค้าของเธอ ซึ่งทั้งเม ครอบครัวของเธอ และ ตัวแทนขายสินค้าต่างมีชีวิตที่อู้ฟู่ขึ้นอย่างมาก เพราะการเป็นส่วนหนึ่งในธุรกิจนี้
2. เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2565 แบรนด์พรีมายาได้เป็นกระแสจนเกิด #พรีมายา ในโลกทวิตเตอร์ เนื่องจากมีผู้หญิงคนหนึ่งชื่อว่า นิ่ม ซึ่งเป็นตัวแทนขายสินค้าของแบรนด์นี้ได้ โพสต์รูปของตัวเองที่ถ่ายคู่กับรถหรูที่โชว์รูมแห่งหนึ่ง พร้อมแคปชั่น “3 เดือน สร้างเงิน 15 ล้านบาท เด็กบ้านนอก กำเงินก้อนสุดท้ายในชีวิต พลิกชีวิตจากการขายของออนไลน์ จากการลงทุนเพียง 6,000 บาท #พรีมายา”
ทั้งนี้ หลังจากโพสนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ก็เกิดประเด็นถกเถียงกันขึ้นในสื่อสังคมออนไลน์ว่าเรื่องนี้เป็นความจริงหรือไม่?
จนต่อมามีคนเข้าไปสอบถามกับทางโชว์รูมแห่งนี้ว่า ‘สรุปแล้วผู้หญิงคนนี้ได้เข้าไปซื้อรถหรือไม่?’ ซึ่งคำตอบที่ทางโชว์รูมตอบกลับมา คือ “ถ้าเป็นคันนี้รถยังไม่ได้ขายนะครับ” ทำให้กระแสของประเด็นนี้ดังขึ้นอีก เพราะถือเป็นการหลอกลวงผู้บริโภคหรือป่าว?
อย่างไรก็ดี หลังจากมีกระแสของประเด็นนี้ไปเพียงหนึ่งวัน ผู้หญิงเจ้าของโพสต์ก็ได้ออกมาชี้แจงว่า ‘ตัวเองนั้นชีวิตลำบาก แต่พยายามขายของและรีวิวสินค้าในโลกออนไลน์ จนสามารถหาเงินได้หลักหมื่น แล้วเมื่อเธอได้รู้จักกับแบรนด์พรีมายา เธอจึงทักไปขอสปอนเซอร์ เพราะคิดว่าสินค้าน่าลองใช้เนื่องจากดูมีความน่าเชื่อถือ’
เธอยังกล่าวต่อว่า ‘ระหว่างที่ใช้ก็โพสต์รีวิวลงในสื่อโซเชียลมีเดีย จนคนทักมาสอบถามเป็นจำนวนมาก ตัวเองจึงตัดสินใจเปิดบิลรับสินค้านี้มาขายเอง พร้อมกับการรับตัวแทนอีกด้วยจนสามารถสร้างยอดขายได้ 15 ล้านบาท ภายใน 3 เดือน แล้วนำเงินที่ได้ไปปรับปรุงบ้าน ซื้อรถใหม่ให้ครอบครัว’ แต่เธอไม่ได้ชี้แจงถึงรูปคู่กับรถหรูเลย
3. เม พรีมายาก็ออกมาเคลื่อนไหวเกี่ยวกับประเด็นนี้เช่นกัน โดยแบรนด์พรีมายา มีการจัดทำรายการหนึ่ง ที่จะมีเนื้อหาให้เม พรีมายา บุกไปหาตัวแทนของแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จในการทำยอดขายที่สูง ซึ่งภายในรายการ จะมีการพูดคุยเกี่ยวกับชีวิตก่อนและหลังเมื่อรู้จักแบรนด์นี้ ทั้งนี้ เมก็ได้เดินทางไปหานิ่ม แต่หลังจากคลิปรายการนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ก็เกิดประเด็นดราม่าขึ้นอีกครั้ง
เพราะคำตอบของนิ่มในรายการและโพสที่เธอออกมาชี้แจงหลังเกิดประเด็นขึ้นนั้นย้อนแย้งกัน เพราะในรายการเธอกล่าวประมาณว่า ‘ถ้าไม่ใช่เพราะแบรนด์พรีมายา เธอคงกลายเป็นขอทานไปแล้ว’ ซึ่งส่วนทางกับคำชี้แจงของเธอก่อนหน้านี้ ว่าก่อนที่เธอจะรู้จักแบรนด์พรีมายา เธอก็ประกอบอาชีพรีวิวและขายสินค้าออนไลน์ ซึ่งสามารถหาเงินได้หลักหลายหมื่น แล้วคนยังตั้งประเด็นสงสัยอีกว่า ‘ถ้าเงิน 6 พันบาทของเธอเป็นเงินก้อนสุดท้ายจริง เธอจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเมื่อลงทุนกับแบรนด์นี้แล้วจะไม่สูญเปล่า?’
แล้วกระแสดราม่าก็ยังไม่จบ เพราะมีคนไปค้นเจอว่าเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม เจ้าของแบรนด์เคยโพสเรื่องราวของผู้หญิงคนนี้ว่าเธอนั้น ‘สามารถทำกำไรได้ 15 ล้าน พร้อม #ย้ำว่ากำไรนะคะ’ และยังแสดงความยินดีกับน้อง พร้อมโพสรูปน้องกับรถหรูที่ประเด็นดราม่า
4. หลังจากเกิดกระแสการวิพากษ์วิจารณ์มาหลายวัน ทำให้ทางเพจแบรนด์พรีมายาก็ลบโพสที่แสดงความยินดีกับตัวแทนคนนี้ พร้อมกับชี้แจงว่า ‘เนื่องจากการะแสข่าว และเรื่องราวที่ถูกแชร์อย่างรวดเร็ว มีถ้อยคำหรือเนื้อหาที่ทำให้ผู้อ่านเกิดความเข้าใจผิด ฝ่ายกฎหมายของพรีมายา จึงขอให้ท่านลบโพสดังกล่าว เพื่อหลีกเลี่ยงการดำเนินการทางคดีและยับยั้งความเสียหาย’
นอกจากนี้ ทางแบรนด์ยังได้ออกมาตอบประเด็นเรื่องรถหรูว่า ‘จริงๆ แล้วน้องยังไม่ซื้อ เนื่องจากน้องต้องนำเงินไปปรับปรุงบ้าน ดูแลครอบครัวก่อน ซึ่งน้องเพียงแค่ไปดูและถ่ายรูปคู่กับรถในฝันเพียงเท่านั้นเอง’
5. ทั้งนี้ กระแสการถกเถียงของผู้คนในโลกอินเตอร์เน็ตก็ยังไม่จบลง เพราะคนยังสงสัยเกี่ยวกับเจ้าของแบรนด์และธุรกิจของเธอ อาทิ ‘ตกลงแล้วพรีมายา ขายอะไรกันแน่?’ เพราะโฆษณาและคลิปคอนเทนต์ในเน็ตแทบไม่ได้กล่าวถึงสินค้าเลย แต่เธอเพียงโชว์การใช้ชีวิตที่หรูหราของตัวเอง จนขนาดในกูเกิล เสิร์ชยังขึ้นเลยว่า ‘พรีมายาขายอะไร?’
อย่างไรก็ดี หลังเกิดประเด็นดราม่าเหล่านี้ข้ึนทั้งเม พรีมายา และสินค้าในแบรนด์นี้ต่างเป็นที่รู้จักมากขึ้น นอกจากนี้เธอยังเป็นที่พูดถึงในสื่อโซเชียลเป็นระยะๆ เพราะเธอมักจะมีดราม่าให้เกิดการถกเถียงตลอด เช่น เธอถูกติเตียน เนื่องจากเธอไปเสนอให้เด็กๆ ที่โรงเรียนเก่าของเธอ ขายของออนไลน์แทนการทำงานทั่วไป ซึ่งผู้คนแสดงความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากเด็กยังไม่บรรลุนิติภาวะ ซึ่งอาจจะเข้าข่ายการหลอกหลวงผู้อื่นให้มาลงทุน
และยังมีดราม่าที่ค่อนข้างถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ เพราะแสดงให้เห็นถึงเส้นทางการเงินที่ผิดปกติของเม พรีมายา เช่น สื่อมักจะโปรโมทเธอว่าเป็นซีอีโออายุน้อยที่สามารถจับเงิน 100 ล้านได้ แต่หลังจากที่มีคนไปค้นผลกำไรต่อปีของธุรกิจเธอ กลับพบว่าค่อนข้างย้อนแย้งกับการใช้ชีวิตที่หรูหรา อย่างเช่น ธุรกิจของเธอได้ผลกำไรในปี 2564 จำนวน 8 ล้านบาทจากรายได้ทั้งหมด 33 ล้านบาท ดังนั้นจึงเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมากอีกครั้งว่า เธอและตัวแทนคนอื่นๆ ของบริษัทเธอได้จ่ายภาษีครบหรือไม่?
6. นอกจากนี้ หลังการเกิดขึ้นของดราม่าแบรนด์พรีมายา เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2565 อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ บริษัท พรีมายา และบุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในข้อหา พ.ร.บ. คอมฯ และข้อหาฉ้อโกงประชาชน
โดยระบุว่า เขามาร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีกับการชักชวนให้ลงทุนของบริษัทพรีมายา โดยการโพสต์ว่า ‘ลงทุน 6 พันบาท เป็นเวลา 3 เดือน ได้เงิน 15 ล้านบาท’ ซึ่งเป็นข้อมูลอันเป็นเท็จที่ทำให้คนหลงเชื่อ และเขายังชี้แจ้งเพิ่มอีกว่า บริษัทนี้เคยโดนดำเนินคดีข้อหา ‘ใส่สารต้องห้ามในผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนัก’ แต่บริษัทอ้างว่าโรงงานเป็นผู้ใส่สารดังกล่าวลงไป
7. หลังจากผ่านมาหลายเดือน เมื่อวานนี้ (19 มกราคม) เวลา 7.00 น. ตำรวจได้เข้าบุกค้นที่บ้านของ เม พรีมายา ในข้อหานำข้อมูลที่บิดเบือนหรือเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นการสร้างความเสียหายให้แก่ประชาชน ตามหมายค้นศาลอาญาที่ 62/2566 ลงวันที่ 18 มกราคม ซึ่งจากการตรวจค้นไม่พบ เม พรีมายา มีเพียงแม่บ้านเท่านั้นที่อาศัยอยู่ในบ้าน และหลังจากการสอบถามเบื้องต้นเธอให้ข้อมูลว่า ‘เมและแฟนหนุ่มได้ออกจากบ้านไปตั้งแต่เมื่อวานนี้ ซึ่งไม่ได้ระบุว่าจะเดินทางไปที่ไหน’
นอกจากนี้ ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจค้นหาพยานหลักฐาน พร้อมยึดผลิตภัณฑ์อาหารเสริมไปทำการตรวจสอบด้วย และยังได้เข้าตรวจค้นบริษัท พรีม่า มายา จำกัด อีกด้วยเช่นกัน
8. อย่างไรก็ดี เมื่อเวลา 16.00 น. วันเดียวกันนั้น เม พรีมายา ได้เดินทางเข้ามอบตัว พร้อมกับให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียง ‘ข้อผิดพลาด’ พร้อมที่จะแก้ไขตามกระบวนการ และเธอยังกล่าวเสริมอีกว่า
“หนูเป็นคนทำงาน บริสุทธิ์ใจ และไม่มีเจตนาใดๆ ..บางอย่างอาจจะผิดข้อตกลง หรือผิดกติกา ในสนามนี้บ้างก็เรียนรู้กันไป” พร้อมกล่าวปิดท้ายว่า “ไม่ได้สร้างเรื่อง หลอกลวง หรือชวนเชื่อ ..ตลอดการทำงานไม่เคยมีความตั้งใจนี้”
9. ในด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี กล่าวว่า มีการกล่าวโทษ ตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม 2565 ใน 2 ประเด็น คือ 1. การใช้สารในอาหารเสริม ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการ 2. การหลอกลวงลงทุน
แต่อย่างไรก็ตาม ข้อหาการหลอกลวงมาลงทุน ยังอยู่ในขั้นตอนพิสูจน์ทางคดีว่า เกินจริงไหม? และในขณะนี้ “ยังไม่มีผู้เสียหายมาร้องทุกข์กล่าวโทษ แต่มีคนกล่าวโทษไว้เท่านั้น” ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ยังกล่าวเสริมอีกว่า “ประกอบกับรายงานกำไรในการเสียภาษี ไม่ได้มูลค่าสูงสอดคล้องตามคำโฆษณา ซึ่งสำหรับผู้เกี่ยวข้องที่เป็น ‘หน้าม้า’ อยู่ระหว่างการออกหมายจับเช่นกัน”
10. ทั้งนี้ ในวันนี้ (20 มกราคม) เม พรีมายา ได้รับการประกันตัว หลังวางเงินสดจำนวน 1 แสนบาท พร้อมเปิดเผยความรู้สึกของเธอและขอโอกาสได้แก้ไขให้ทุกสิ่งถูกต้อง อย่างไรก็ดี ล่าสุด นิ่ม พรีมายา ตัวแทนธุรกิจพรีมายา ซึ่งเป็นผู้โพสต์ภาพถ่ายคู่กับรถหรู พร้อมแคปชั่น ‘ลงทุนแค่ 6 พันบาท จนสามารถสร้างเงินได้ 15 ล้านบาทภายในเวลาแค่ 3 เดือน’ ถูกตำรวจนำตัวมาสอบปากคำที่ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
การจับกุม เม พรีมายา ทำให้มีความคิดเห็นในสื่อออนไลน์ต่อกรณีนี้มากมาย เช่น “การจับเม พรีมายาดูเป็นเรื่องใหญ่มากถึงขั้นตั้งรางวัลนำจับ 5 แสนบาท แต่คิดว่าประชาชนดูไม่ออกหรือไงว่ากำลังกลบข่าวมาเก๊า888 อยู่” หรือ “รางวัลนำจับตั้ง 5 แสนแต่ประกันตัวแค่ 1 แสนได้เนี่ยนะ” และ “ยังมีอีกหลายเจ้าที่ทำธุรกิจในลักษณะแบบนี้ ตำรวจอย่าลืมไปตามจับด้วยนะ”
ทั้งนี้ กระแสนี้ยังทำให้หลายคนเทความสนใจไปให้ เพราะมีความคล้ายคลึงกับคดี Forex-3D ซึ่งใช้วิธีอย่าง ‘แชร์ลูกโซ่’ ในการหลอกลวงผู้คนให้เข้ามาร่วมลงทุนซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ ซึ่งเป็นคดีที่สร้างความเสียหายเป็นจำนวนมากกว่า 2,500 พันล้านบาท และถึงแม้ว่าแบรนด์พรีมายาจะขายสินค้าประเภทอาหารเสริม เครื่องสำอาง แต่ก็อาจจะเข้าข่ายเช่นกัน เพราะเป็นการเชิญชวนให้คนมาเป็นตัวแทน ซึ่งธุรกิจในลักษณะนี้คนที่อยู่บนยอดพีระมิดเท่านั้นที่จะได้ผลกำไรจริงๆ
อ้างอิงจาก