หลายคนคงชอบดูหนังแนวสืบสวน อย่าง “Never been Kissed” และ “Hiding Out” ที่มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับผู้ใหญ่ที่แกล้งเป็นนักเรียนมัธยมปลายเพื่อรายงานข่าวและซ่อนตัวจากมาเฟีย แต่เรื่องแบบนี้ไม่ได้มีแค่ในหนัง เพราะมันเกิดขึ้นจริงๆ เมื่อหญิงวัย 29 ปี ถูกจับขณะแอบอ้างเป็นเด็กมัธยมในโรงเรียนแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ
ฮเยจอง ชิน (Hyejeong Shin) หญิงสาวอายุ 29 ปี ถูกจับกุมเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (24 มกราคม) ในข้อหาปลอมแปลงเอกสารเกี่ยวกับอายุที่แท้จริงของเธอแก่เจ้าหน้าที่ของโรงเรียนมัธยมนิวบรันสวิก (New Brunswick High School) ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐฯ
ในขณะที่ชินแกล้งทำเป็นวัยรุ่นและเข้าเรียนในโรงเรียนแห่งนี้ เธอไม่ได้แค่เข้าไปเรียนเท่านั้น แต่เธอมีพฤติกรรมที่ดูผิดปกติ คือชินพยายามรวบรวมเบอร์โทรศัพท์จากวัยรุ่นที่เธอขอให้ช่วยบอกทางให้แก่เธอ และเป็นเรื่องที่น่าตกใจว่า เธอสามารถใช้เวลากว่า 4 วัน ในการแสร้งทำเป็นนักเรียนในโรงเรียนมัธยมแห่งนี้ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ของโรงเรียนจะไหวตัวทัน
ยังไม่มีรายงานว่าตำรวจทราบเรื่องได้อย่างไร ยิ่งกว่านั้น หลังจากที่ชินถูกจับกุม เธอยังคงพยายามที่ส่งข้อความถึงอดีตเพื่อนร่วมชั้น ซึ่งได้สร้างความหวาดกลัวเป็นอย่างมากแก่ตัวนักเรียนเองและผู้ปกครองของเด็กๆ
การจับกุมหญิงสาวดังกล่าว ทำให้หลายฝ่ายกังวลต่อระบบรักษาความปลอดภัยที่ใช้เพื่อยืนยันตัวตนของนักเรียนที่ดูจะไม่รัดกุมมากพอ จนนำไปสู่การเกิดขึ้นของเหตุการณ์ในลักษณะนี้ได้ นอกจากนี้ ยังก่อให้เกิดข้อถกเถียงว่าอะไรเป็นแรงจูงใจของเธอกันแน่? จนขนาดต้องโกหกอายุของตัวเอง เพื่อที่จะได้เข้าไปศึกษาในโรงเรียนที่มีแต่คนอายุน้อยกว่าเธอเป็น 10 ปี
ออเบรย์ จอห์นสัน (Aubrey Johnson) ผู้อำนวยการของโรงเรียนมัธยมนิวบรันสวิก กล่าวในที่ประชุมคณะกรรมการการศึกษาว่า “ผู้ที่เกี่ยวข้องพยายามจะหาวิธีที่จะสามารถตรวจสอบเอกสารปลอมให้มีประสิทธิภาพขึ้น” ถึงกระนั้น ทั้งทางโรงเรียนและเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้ให้ข้อมูลใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับแรงจูงใจของพฤติกรรมของชินเลย
ทั้งนี้ การถกเถียงกันในที่ประชุมก็นำไปสู่การออกมาตรการให้โรงเรียนในรัฐนิวเจอร์ซีย์ ‘จำเป็นต้องลงทะเบียนเด็กทุกคนในโรงเรียนเป็นการชั่วคราว’ ซึ่งโดยปกติแล้วจะไม่มีมาตรการให้บันทึกข้อมูลเพื่อยืนยันตัวตนของเด็กๆ มาก่อนเลย
“เมื่อเจ้าหน้าที่ของเราตรวจสอบและพิจารณาว่าข้อมูลที่ได้รับเป็นเท็จ พวกเขาจะทำการแจ้งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที” จอห์นสันกล่าว
หลังจากที่ชินถูกตั้งข้อหา เธอยังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสั่งห้ามไม่ให้เธอเข้าไปใกล้บริเวณโรงเรียน และเจ้าหน้ายังกำชับกับนักเรียนที่เคยรู้จักกับชินว่าให้ยุติการติดต่อกับเธอเป็นการถาวร
นักเรียนคนหนึ่งจากโรงเรียนนิวบรันสวิกกล่าวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า “พวกเรายังเป็นกังวลต่อพฤติกรรมของชิน เพราะเธอเคยมีการนัดพบฉันนอกเวลาเรียน ก่อนที่เราจะทราบภายหลังว่าเธอไม่ใช่เด็ก” นักเรียนคนนี้ได้กล่าวปิดท้ายว่า “ถ้าเธอมีความสามารถในการปลอมแปลงเอกสาร จนสามารถเข้าเรียนได้ …เท่ากับว่าเธอมีความสามารถที่จะทำอะไรก็ได้ไม่ใช่หรอ”
ถึงแม้ว่า นักเรียนจากโรงเรียนแห่งนี้ถือเป็นบุคคลที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้มากที่สุด แต่พวกเขากลับไม่ได้รับอนุญาตให้พูดในการประชุมคณะกรรมการการศึกษาเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เนื่องจากกฎของที่ประชุมระบุว่า ‘ถ้าใครต้องการจะพูด จำเป็นต้องลงทะเบียนล่วงหน้าก่อน’ ทำให้เด็กๆ เกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมาก
อ้างอิงจาก