เมื่อเขาไม่ยอมรับ LGBTQ+ เขาจึงไม่มีคุณสมบัติเป็นผู้ช่วยนายกอีกต่อไป
เมื่อวานนี้ (4 กุมภาพันธ์) ฟุมิโอะ คิชิดะ (Fumio Kishida) นายกรัฐมนตรีประเทศญี่ปุ่น สั่งปลดมาซาโยชิ อาราอิ (Masayoshi Arai) เลขานุการนายกรัฐมนตรี เพราะเขาต่อต้าน LGBTQ+
สื่อท้องถิ่นของญี่ปุ่นรายงานว่า อาราอิกล่าวว่าเขาไม่สามารถสามารถทนดูคู่รักเพศเดียวกัน และไม่สามารถอยู่ร่วมกับคู่รักเลสเบี้ยน เกย์ ไบเซ็กชวล หรือทรานส์เจนเดอร์ได้ ทั้งยังเตือนว่าหากกฎหมายอนุญาตให้คู่รักเพศเดียวกันสมรสกันได้ ประชาชนก็คงจะต้องหนีออกนอกญี่ปุ่นแน่ๆ
ความคิดเห็นของอาราอินี้เกิดขึ้นหลังจากนายกรัฐมนตรีกล่าวในรัฐสภาว่า การแต่งงานของบุคคลเพศกำเนิดเดียวกันต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อโครงสร้างครอบครัว
ทางด้านนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงความเห็นของอาราอิผ่านช่องโทรทัศน์สาธารณะ NHK ว่า “ความคิดเห็นของเขาเป็นสิ่งที่รับไม่ได้และยังไม่สอดคล้องกับนโยบายของฝ่ายบริหารโดยสิ้นเชิง” และต่อมา ผู้นําญี่ปุ่นก็กล่าวว่าเขาไล่อาราอิออกแล้ว โดยที่อดีตผู้ช่วยเองก็ขอโทษสำหรับความเห็นที่ทำให้ชวน ‘เข้าใจผิด’
นอกจากนี้คิชิดะยังกล่าวเสริมว่า “เราเคารพความหลากหลายและตระหนักถึงสังคมโดยรวม”
เหตุการณ์ดังกล่าวนับเป็นความอับอายของคิชิดะย่างมาก เพราะขณะนี้ ญี่ปุ่นกำลังเป็นเจ้าภาพ เตรียมจัดประชุมกับผู้นำในกลุ่มประเทศ G7 และในปัจจุบันญี่ปุ่นยังเป็นเพียงประเทศเดียวในกลุ่ม G7 ที่ยังไม่มีกฎหมายรับรองให้บุคคลเพศเดียวกันสามารถสมรสกันได้
อย่างไรก็ตามจากการสํารวจความคิดเห็นล่าสุดพบว่าคิชิดะมีคะแนนความนิยมที่ลดลงประมาณ 30% จากปีก่อนหน้า นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ลอบสังหารอดีตนายกรัฐมนตรี ชินโซะ อาเบะ และจากกรณีที่รัฐมนตรีออีกหลายคนที่ลาออกจากตำแหน่งไป
หนึ่งในบรรดาผู้ที่ลาออกจากตำแหน่งคือ มิโอะ สุกิตะ (Mio Sugita) อดีตรองรัฐมนตรีกระทรวงกิจการภายในและการสื่อสาร ซึ่งลาออกในเดือนธันวาคม เนื่องจากมีความเห็นที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับชาว LGBTQ+ และเกี่ยวกับชุมชนชาวไอนุพื้นเมืองของญี่ปุ่น
จากการสํารวจของ NHK ในเดือนกรกฎาคม 2021 สองเดือนก่อนที่คิชิดะจะได้เป็นนายกฯ มีผู้ตอบแบบสอบถามถึง 57% จากผู้เข้าร่วมทั้งสิ้น 1,508 คน กล่าวว่าพวกเขาสนับสนุนให้มีกฎหมายคุ้มครองกลุ่ม LGBTQ+ เนื่องจาก ถ้าพวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้แต่งงาน ก็จะไม่สามารถสืบทอดทรัพย์สินของกันและกันได้ ทั้งยังไม่ได้รับสิทธิให้เป็นผู้ปกครองบุตรของอีกฝ่ายด้วย
อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ศาลโตเกียววินิจฉัยว่า การห้ามการสมรสของคนเพศเดียวกันละเมิดหลักการสิทธิมนุษยชน ซึ่งหมายความว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจำเป็นต้องแก้กฎหมายของประเทศ ว่าด้วยการสมรสของคนในเพศเดียวกัน
อ้างอิงจาก