ครูพละ—ตัดผมสั้นดูเรียบร้อย ครูศิลปะ—ผมเซอร์กำลังดี ครูคณิตฯ—มัดผมลวกๆ แต่ดูดี .. และอีกสารพัดครูที่หน้าตามาทรงเดียวกัน ต่างกันที่ทรงผมและวิชาสอน แต่ดูยังไง้ยังไงก็คนเดียวกันแน่ๆ
โพสต์ ‘ทำเนียบครู’ ที่กลายมาเป็นกระแสไวรัลในโลกออนไลน์นี้ เป็นผลงานผ่านการใช้แอปพลิเคชั่นจากคุณครู ‘ศิวศิลป กลิ่นช้าง’ ที่(ตัวจริง)สอนวิชานาฏศิลป์ ซึ่ง The MATTER พูดคุยถึงที่มาของไอเดียกับครูศิวศิลปะว่า จริงๆ แล้ว วันนั้นเขาได้รับหน้าที่ให้ถ่ายรูปทำเนียบครูในโรงเรียนใหม่ แล้วถ่ายไปถ่ายมา ก็มีไอเดียขึ้นมาว่าลองทำโพสต์เล่นๆ ดีไหม
แล้วกลายเป็นว่า โพสต์นี้กลับไปไกลเกินคาด หลายคนมองว่า สะท้อนปัญหาภาระงานครูที่มีมากล้นจนครูถูกดึงออกจากห้องเรียน ไม่ได้เตรียมการสอนและสอนได้มีมีประสิทธิภาพ หรือบางคนก็จบมาเพื่อสอนวิชานึง แต่เอาเข้าจริงกลับต้องมาช่วยสอนแทบทุกวิชา เพราะจำนวนครูในโรงเรียนมีไม่พอ
สำหรับครูศิวศิลป เขามองว่าตัวเองไม่ได้มีภาระงานเอกสารมากนัก หากเทียบกับเพื่อนครูคนอื่นๆ ซึ่งจะต้องมีงานเอกสาร งานธุรการ งานเข้าเวรยาม งานพัสดุ และอื่นๆ อีกมากมายซึ่งไม่ใช่งานสอน
แต่ถึงจะไม่ได้มีงานเอกสารมากล้น ครูศิวศิลปก็ต้องไปสอนวิชาอื่นๆ นอกเหนือจากวิชานาฏศิลป์ ซึ่งเป็นวิชาเอกที่ตั้งใจจะมาสอนนักเรียนโดยตรง
“ครูต้องสอนภาษาไทยเพิ่ม เพราะครูภาษาไทยโรงเรียนเรามี 2 คน แล้ว 2 คนก็ไม่สามารถที่จะสอนนักเรียนทั้งหมด 6 ชั้นได้ ครูก็รับอาสามาสอน 1 ชั้น แล้วก็มีวิชาพลศึกษา ครูคนก่อนออกไปแล้ว เลยต้องมาสอนแทน เพราะโรงเรียนที่ยังเปิดรับไม่ได้ เนื่องจากยังไม่จบปีการศึกษา ก็ต้องสอนกันแทนไปก่อน”
ประเด็นนี้สะท้อนให้เห็นปัญหาการขาดแคลนจำนวนครูในระบบการศึกษาไทย ที่มีสัดส่วนไม่พอกับจำนวนเด็ก ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการสอน ที่จะทำให้นักเรียนไม่ได้รับความรู้อย่างเต็มที่ เนื่องจากครูคนหนึ่งต้องสอนหลายวิชา และบางวิชาก็ไม่ใช่วิชาสายตรงที่ครูจบมาเพื่อสอนด้วย
นอกจากจะส่งผลกับเด็กทั้งในเชิงคุณภาพของการศึกษาแล้ว การที่ครูไม่พอยังมีผลให้นักเรียนไม่ได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง และส่งผลต่อพัฒนาการของเด็กที่เกิดจากปฏิสัมพันธ์ของครูด้วยเช่นกัน
ยิ่งกว่านั้น เรายังสังเกตเห็นว่า เพจ ‘ศธ.360 องศา’ ซึ่งเป็นเพจที่อัพเดทข่าวสารของกระทรวงศึกษาธิการ ก็แชร์โพสต์ของครูศิวศิลปด้วยเช่นกัน จึงสอบถามความคิดเห็นกับครูศิวศิลป ซึ่งเจ้าตัวก็มองว่า หากเป็นไปได้ ก็อยากได้การสนับสนุนเรื่องบุคลากรให้มีจำนวนเพียงพอ และสอดคล้องกับการสอนนักเรียน
“ถ้าได้การสนับสนุนเพิ่มก็น่าจะดี จะได้มีครูที่หลากหลาย แล้วมาสอนเด็กได้ตรงวิชาเอก และครูเองก็จะได้เต็มที่กับสิ่งที่เรียนมา เช่น เราจบนาฏศิลป์ ก็สอนนาฏศิลป์อย่างเดียว แล้วก็เต็มที่กับการสอนหนังสือได้มากขึ้น”