ต้องมีเงินเก็บเท่าไร ถึงจะเกษียณได้แบบสบายๆ? คำถามการเงินสุดคลาสสิก ที่ถามกันตั้งแต่นักเรียนนักศึกษา ครูแนะแนว โค้ชการเงิน นักวิจัย ธนาคาร ไปจนถึงหน่วยงานราชการ
ล่าสุด เพิ่งมีผลสำรวจจากทีม MLIV Pulse ของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) ที่ได้ไปถามนักลงทุนจากทั่วโลกจำนวน 553 คนในเรื่องนี้ และพบว่า
- ประมาณ 1 ใน 3 ตอบว่า ต้องมีอย่างน้อย 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 104 ล้านบาท)
- อีก 1 ใน 3 ตอบว่า ต้องมีอย่างน้อย 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 173 ล้านบาท)
และหากแบ่งเป็นภูมิภาค คำตอบที่มีนักลงทุนในเอเชียตอบมากที่สุด ก็คือ 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามมาด้วย 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
บลูมเบิร์กยังบอกด้วยว่า นักลงทุนในผลสำรวจไม่มั่นใจเท่าไรนักว่าจะมีเงินเก็บเพียงพอหรือไม่ในการที่จะมีไลฟ์สไตล์แบบเดิมในช่วงหลังเกษียณ โดยที่นักลงทุนที่ตอบว่ามั่นใจว่าทำได้ 100% แน่ๆ นั้น มีไม่ถึงครึ่ง ทั้งหมดนี้สะท้อนสภาพทางเศรษฐกิจโลก ที่พบว่ามีทั้งกำไรภาคเอกชนที่หดตัว และภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่อาจเกิดขึ้นได้ในช่วงปีที่จะถึงนี้
“ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมคนที่กำลังจะเกษียณหลายคนถึงตั้งคำถามกับการอยู่รอดของเงินเก็บของพวกเขา” คริสตีน เบนซ์ (Christine Benz) ผู้อำนวยการด้านการวางแผนการเงินส่วนบุคคลและการเกษียณ ของบริษัทการเงินในสหรัฐฯ มอร์นิงสตาร์ (Morningstar) กล่าว
“ในขณะที่ภาวะเงินเฟ้อจะชะลอตัวลง แต่มันก็ไปเพิ่มจำนวนเงินทุนที่คนหนึ่งคนจำเป็นต้องมีเพื่อการเกษียณ”
แล้วถ้ามาดูในกรณีของไทย จะเป็นอย่างไร? เมื่อเดือนกันยายน ปี 2565 ที่ผ่านมา คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพิ่งเผยแพร่ผลการวิจัย ‘ดัชนีความพร้อมเพื่อการเกษียณ’ (National Retirement Risk Index หรือ NRRI) พบว่า คนไทยมีความพร้อมด้านการเงินหลังเกษียณ เฉลี่ยแล้วต่ำกว่า 40% ซึ่งหมายถึงระดับต่ำ
และจากการสำรวจการใช้จ่ายของผู้สูงอายุ พบว่า จะมีการทยอยนำเงินมาใช้จ่ายต่อเดือนประมาณ 6,000-7,000 บาท ทำให้จำนวนเงินที่จะทำให้เพียงพออยู่รอดได้หลังเกษียณคือ 3 ล้านบาทต่อคน แต่ปัจจุบัน ยังพบด้วยว่า มีการใช้จ่ายที่ประมาณ 10,000 บาทต่อเดือน ซึ่งหมายความว่า มีการใช้เงินมากกว่าที่มีอยู่ และตัวเลข 3 ล้านบาทนั้นก็ถือว่าไม่เพียงพอ
อ้างอิงจาก