เนื่องในโอกาสครบรอบ 3 ปียุบพรรคอนาคตใหม่ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ หัวหน้าพรรคก้าวไกล จึงออกมาโพสต์รำลึกถึงเหตุการณ์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว …ประเด็นคือช่วงหนึ่งของโพสต์ พิธาใช้พื้นที่ส่งสาส์นบอกความในใจต่ออดีตเลขาธิการพรรคก้าวไกล ‘ปิยบุตร แสงกนกกุล’ ว่าให้ “เลิกมือไม่พายเอาเท้าราน้ำ” เสียที
ด้านปิยบุตรเองก็มาคอมเมนท์ตอบโพสต์ของหัวหน้าพรรคก้าวไกลว่า “คุณพิธาเขียนเอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้ผม” บานปลายกลายเป็นวิวาทะใหญ่ที่ใครๆ ก็ตั้งคำถามว่าพรรคมีรอยร้าวหรือไม่ จนตัวละครสำคัญในพรรคก้าวไกล (และอนาคตใหม่) เช่น ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และรังสิมันต์ โรม ต้องออกมาช่วยหย่าศึก
เกิดอะไรขึ้นกับพิธาและปิยบุตรกันนะ? 2 นักการเมืองจากพรรคส้มเถียงอะไรกันบ้าง? The MATTER สรุปมาให้อ่านกัน
1. ก่อนเล่าถึงวิวาทะ อยากชวนย้อนมาระลึกความทรงจำกันก่อนว่า เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 (หรือก็คือ 3 ปีที่แล้ว) ศาลรัฐธรรมนูญมีมติสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรค ทำให้ปิยบุตรต้องสละบทบาทเลขาธิการพรรค ก่อนจะกำเนิดเป็นพรรคก้าวไกลที่มีพิธาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคในเวลาต่อมา
2. อย่างไรก็ดี ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ปิยบุตรมักโพสต์ข้อความถึงพรรคก้าวไกลผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวอยู่บ่อยๆ ส่วนใหญ่จะมีเนื้อหาเชิงวิเคราะห์ วิจารณ์ และเสนอแนะแนวทางต่อจุดยืนและยุทธศาสตร์ของพรรคก้าวไกล
เช่น วิเคราะห์ว่า พรรคก้าวไกลมี 2 ทางแพร่ง ทางแรกคือขอเกาะเป็นรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย แล้วค่อยไปหวังกับการเลือกตั้งครั้งหน้า ส่วนทางที่ 2 คือให้ประกาศจุดยืนการเป็นตัวแทน ‘พลังใหม่’ ในสังคมไทย ที่ปิยบุตรเชื่อว่า หากพรรคก้าวไกลเดินทางนี้ อาจชี้ขาดและทำให้ได้ ส.ส. และคะแนนนิยมเพิ่ม
“พรรคก้าวไกลจะเลือกทางเดินแบบไหน เหลือเวลาอีกไม่มาก อยู่ที่มองการเลือกตั้ง 66 แบบไหน และต้องการวางยุทธศาสตร์และตำแหน่งแห่งที่ของพรรคอย่างไร พรรคก้าวไกลต้องตัดสินใจ !!!” คือข้อความส่วนหนึ่งจากโพสต์ทาง 2 แพร่งของพรรคก้าวไกล จากเฟซบุ๊กของปิยบุตร
3. นอกจากโพสต์ข้างต้น มีอีกโพสต์ที่ปิยบุตรเอ่ยถึงผู้นำพรรคก้าวไกลอย่างชัดเจน เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่โพสต์ถึงพรรคก้าวไกลและปมแลนด์สไลด์ ที่หากสรุปเนื้อหาโดยคร่าว คือ ปิยบุตรเสนอว่าก้าวไกลควรเป็นตัวแทนพลังใหม่ ต้องแก้ปมแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทย
ในช่วงท้ายของโพสต์ ปิยบุตรเขียนข้อความไว้ว่า “ปัญหาจึงมีอยู่ว่า… ผู้นำพรรคก้าวไกลมีศักยภาพเพียงพอที่จะทำให้คนเชื่อว่าพรรคก้าวไกลจะชนะในเขตเลือกตั้งได้หรือไม่? มีความสามารถเพียงพอที่จะทำให้คนเชื่อโดยพร้อมเพรียงกันว่า ต้องมีพรรคก้าวไกลเป็นตัวแทนของพลังใหม่ในการเปลี่ยนประเทศตั้งแต่รอบนี้ได้หรือไม่?”
4. ปิยบุตรมักจะโพสต์ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของตนต่อพรรคก้าวไกลผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวอยู่เรื่อยๆ จนกระทั่งเมื่อวานนี้ (21 กุมภาพันธ์) พิธาโพสต์ข้อความรำลึกกรณี 3 ปียุบพรรคอนาคตใหม่ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมบอกความในใจของเขาต่อเพื่อนร่วมอุดมการณ์อย่างปิยบุตร
5. พิธาเริ่มโพสต์รำลึกด้วยการเล่าว่า ครบรอบ 3 ปีที่ถูกยุบพรรค และครบรอบ 3 ปีที่เขาทำหน้าที่ผู้นำพรรคเช่นกัน ก่อนจะบอกว่ารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นผู้นำพรรคในช่วงเวลาที่ท้าทาย และยืนยันว่าตนทุ่มเททั้งตัวและจิตวิญญาณให้กับงานการเมือง
ในโพสต์เดียวกัน พิธาพูดถึงบทสนทนาระหว่างเขากับธนาธรในอดีตที่คุยกันเรื่องการวิจารณ์กันเองในที่สาธารณะ เขาเล่าว่าธนาธรขอให้ความขัดแย้งจบลงในพรรคและไม่ปล่อยไปข้างนอกเพื่อความเป็นมืออาชีพ เขาจึงตอบไปว่า “เรื่องแบบนี้ในการเมืองเกิดขึ้นบ่อย และ professionalism (ความเป็นมืออาชีพ) ที่พื้นฐานในการทำงานไม่ว่าจะองค์กรใดคือ praise in public, criticize in private (สรรเสริญในที่สาธารณะ วิจารณ์กันในที่ส่วนตัว) ผมเห็นด้วยกับพี่“
6. หลังจบประโยคข้างต้น พิธาก็พูดถึงปิยบุตรทันที โดยเล่าว่าเสียดายที่ต้องมาคุยกันผ่านโซเชียลมีเดีย บอกว่าสิ่งที่ปิยบุตรพูดอาจทำให้ความฝันของคนทำงานต้องสูญเปล่า พร้อมกับฝากสิ่งที่อยากให้ปิยบุตรทบทวนไว้ด้วย คือ
- ปิยบุตรต้อง “เลิกมือไม่พายเอาเท้าราน้ำ” เลิกทำตัวไม่เป็นมืออาชีพ ทำตามที่คุณธนาธรเคยขอไว้ กลับมาช่วยกันเท่าที่กฎหมายอนุญาต ทำให้คนที่เคยปรามาสอนาคตใหม่ ก้าวไกล คิดผิด และอนุญาตให้ผมและอีกหลายร้อยชีวิตที่พรรคมีสมาธิในการทำงานโค้งสุดท้าย
- หรือ ปล่อยให้เราเสียสมาธิจนเราลืมไปว่าศัตรูตัวจริงของเราคือใคร ทิ้งโอกาสในการสู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ ทิ้งหยาดเหงื่อแรงงานของสมาชิกพรรค ทีมงานพรรค และปล่อยให้ 3 ป. (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ,พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) ยังสืบทอดอำนาจต่อไป
“ผมไม่แน่ใจว่าคุณปิยบุตรจะทำแบบนี้ไปอีกเท่าไร ผมว่าพอได้แล้วครับ แล้วมาเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ด้วยกัน ถึงแม้ว่าจะต่างคนต่างทำก็ตาม”
7. พิธาเปิดศึกไปเพียงไม่กี่ชั่วโมง ปิยบุตรเข้ามาตอบโพสต์ของพิธาผ่านช่องทางคอมเมนท์ ซึ่งประโยคแรกเปิดด้วยข้อความว่า “พึ่งได้อ่านที่ ‘คุณพิธา’ เขียน ‘เอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้ผม’ ทั้งหมด
ปิยบุตรซัดกลับว่า ที่ผ่านมาตนวิจารณ์พรรคอย่างตรงไปตรงมา ไม่เคยพูดถึงตัวบุคคล แต่เมื่อโดนพาดพิงถึงอย่างสาธารณะ เลยมาตอบประเด็นเพื่อให้ประชาชน “รู้เสียทีว่า คุณพิธาเอารัดเอาเปรียบพวกผม ทีมงาน พนักงาน ทีมจังหวัดทั่วประเทศ ส.ส. และผู้สมัคร ส.ส. เพียงใด”
“ใครกันแน่ ‘มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ’ ใครกันแน่ ‘จับเสือมือเปล่า’” ปิยบุตร ระบุ
8. ปิยบุตรวิจารณ์ว่า พิธาเขียนเล่าเรื่องในลักษณะขาวเป็นดำ–ดำเป็นขาว เขียนราวกับว่าพิธาเป็นพระผู้มากอบกู้พรรค ส่วนตนกลายเป็นพวกทำลายพรรคซะงั้น ซึ่งเขายืนยันไว้ว่า ที่ผ่านมาสื่อเคยติดต่อให้ไปคุยเรื่องการวิจารณ์พรรคก้าวไกล แต่ก็ปฏิเสธมาตลอด เพราะไม่อยากขยายดราม่าผ่านสื่อต่างๆ
แต่หลังจากวันนี้ ปิยบุตรชี้แจงว่า จะเขียนอธิบายต่อไปเรื่อยๆ และพร้อมจะออกสื่อเพื่ออธิบายทั้งหมดว่าพิธาทำอะไรไว้บ้าง
9. กระทั่งเช้าวันนี้ (22 กุมภาพันธ์) ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ทวีตข้อความว่า “ครบ 3 ปียุบพรรคอนาคตใหม่ ผู้มีอำนาจทำลาย poltical project ของเราไม่ได้ ชาวอนาคตใหม่ ผม ปิยบุตร พร้อมสนับสนุน #ก้าวไกล ส่งพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป” จนมีคนแซวว่า อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่พยายามทำหน้าที่กาวประสานใจทุกฝ่ายอยู่หรือไม่
10. ส่วนรังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล ก็ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า เป็นปกติที่ในพรรคการเมืองจะเกิดความไม่เข้าใจกัน แต่ก็ยืนยันว่าภายในพรรคไม่ได้ขัดแย้งกัน คนในพรรคไม่ได้แบ่งขั้ว เพียงแค่อาจเข้าใจไม่ตรงกันและใช้ถ้อยคำรุนแรงกันบ้างเท่านั้น ซึ่งเขาเชื่อว่าทุกคนต่างมีความปรารถนาดีต่อกัน
“ภายในพรรคไม่ได้ขัดแย้งกัน คนในพรรคไม่ได้แตกเป็น 2-3 ขั้ว ที่มักจะเห็นในพรรคการเมืองที่ผ่านมา แต่อาจจะมีความเข้าใจไม่ตรงกันและอาจใช้ถ้อยคำที่รุนแรงกันไปบ้าง คงต้องใช้เวลาในการปรับความเข้าใจที่จะเคลียร์กันให้ชัด” รังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามว่าจะกระทบกับพรรคไหม รังสิมันต์เชื่อว่านี่คือการถกเถียงพูดคุยกัน แม้อาจใช้คำรุนแรงบ้าง แต่ก็ไม่ถึงขนาดว่าจะทำให้เกิดความแตกแยกในพรรค เพราะที่ผ่านมาในพรรคก็มีสมาชิกวิจารณ์กันเป็นปกติ และกรณีนี้ก็ต้องพิจารณาว่าควรทำอย่างไร ปรับได้ไหม และคุยกันด้วยเหตุผล
11. นอกจากนี้ คริส โปตระนันทน์ อดีตสมาชิกพรรคก้าวไกล และอดีตผู้สมัคร ส.ส.อนาคตใหม่ โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีวิวาทะพิธาและปิยบุตรไว้ด้วย ว่า การบอกให้มาทำภารกิจก่อน แล้วค่อยวิจารณ์ภายในและค่อยมาแก้ไข้ ไม่ต่างกับการ ‘ขอเวลาอีกไม่นาน’ และไทยยังติดกับลัทธิบูชาผู้นำจนทำให้การวิจารณ์ในที่สาธารณะเป็นเรื่องยาก
“พรรคก้าวไกลยังดีกว่านี้ได้ ต้องเลิกคิดว่าคนที่วิจารณ์ทั้งหมด เป็นศัตรู คุณมาทำการเมือง ต้องน้อมรับคำวิจารณ์ แก้ไขหรือไม่แก้ไขเป็นเรื่องของทีมบริหาร” คริส ระบุ
12. แน่นอนว่าวิวาทะนี้กลายเป็นประเด็นร้อน สังคมออนไลน์ล้วนจับตาและให้ความสนใจกับปมร้าวพรรคก้าวไกลกันเป็นจำนวนมาก จนแฮชแท็ก #ก้าวไกล ติดเทรนด์และถูกทวีตถึงอย่างน้อย 12,600 ครั้ง ส่วนแฮชแท็ก #ปิยบุตร และ #พิธา ก็ถูกพูดถึงเช่นกัน
13. วิวาทะนี้จะจบลงเช่นไร เรายังไม่อาจรู้ได้ รอยร้าวของพรรคจะถูกประสานได้จริงไหม จากนี้พิธาหรือปิยบุตรจะออกมาพูดอะไรอีกหรือเปล่า ก็คงต้องจับตาดูกันต่อไป
อ้างอิงจาก
https://twitter.com/Thanathorn_FWP/status/1628087887463079941?s=20
https://www.thaipbs.or.th/news/content/324847
https://www.matichon.co.th/politics/news_3836862