หากพูดถึงนโยบายของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยตลอด 2 ปีที่ผ่านมา หนึ่งในนโยบายที่ใครหลายคนจับตาคงหนีไม่พ้น ‘รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย’ โดยหวังเป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหาค่าครองชีพด้านการคมนาคม
ย้อนไปเมื่อ 14 กรกฎาคม 2568 ชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย อธิบายผ่านรายการเรื่องเล่าเช้านี้ว่า ‘20 บาท’ มาจากแนวคิดที่ต้องการให้ค่าเดินทางอยู่ในระดับที่ประชาชนจ่ายไหว
โดยอ้างอิงงานวิจัยที่ระบุว่าค่าเดินทางที่เหมาะสมควรอยู่ที่ร้อยละ 10-15 ของรายได้ เมื่อคำนวณจากรายได้ขั้นต่ำกรุงเทพฯ คือ 400 บาทต่อวัน ดังนั้น ค่าเดินทางที่เหมาะสมจึงไม่ควรเกิน 60 บาท
หากประชาชนจ่ายค่ารถไฟฟ้าไป-กลับวันละ 40 บาท จะเหลือเงิน 20 บาท สำหรับค่าโดยสารขนส่งสาธารณะอื่นเพื่อเชื่อมต่อไปยังจุดหมายปลายทาง
ก่อนหน้านี้ เส้นทางสู่การผลักดันรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายได้เริ่มขึ้นแล้ว โดยกฎหมายสำคัญ 3 ฉบับ ได้แก่ พ.ร.บ. การขนส่งทางราง, พ.ร.บ.การรถไฟฟ้า และ พ.ร.บ.ตั๋วร่วม ได้ผ่านการพิจารณาของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาได้รับหลักการร่างกฎหมายทั้ง 3 ฉบับด้วยเสียงเอกฉันท์
โดยโครงการดังกล่าวได้เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ ตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2568 และวางแผนให้เริ่มใช้งานได้ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2568
ถึงกระนั้น 9 กันยายน 2568 อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้านโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายว่า เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาดูก่อน เพราะการดำเนินงานบางโครงการที่ผ่านมาพบว่า ‘ขาดทุน’ ซึ่งรัฐบาลต้องรักษาวินัยทางการเงินเพื่อให้โครงการสามารถอยู่รอดได้
อย่างไรก็ดี หากรัฐต้องหางบประมาณเพื่อมาชดเชยส่วนต่างของค่าโดยสารนี้ทุกปี เพื่อดำเนินการซื้อกิจการคืนจากผู้ที่ลงทุนก็คงไม่ใช่
ขณะที่ สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย สัมภาษณ์กับฐานเศรษฐกิจเมื่อ 11 กันยายน 2568 ว่า นโยบายนี้ไม่สามารถดำเนินการได้ตั้งแต่รัฐบาลก่อน เนื่องจากข้อจำกัดเชิงโครงสร้างทางการเงิน
การผลักดันโครงการดังกล่าวจำเป็นต้องใช้งบประมาณอุดหนุนจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย เป็น ‘นโยบายกึ่งการคลัง’ ที่รัฐต้องนำเงินไปอุดหนุนรายได้ของเอกชนอย่างเต็มจำนวน อาจทำให้ไม่ยั่งยืนในระยะยาว
โดยทางออกของการลดค่าโดยสารเบื้องต้น คือ การใช้กลไกตาม พ.ร.บ.ตั๋วร่วม เพื่อเปิดทางให้ผู้ประกอบการรถไฟฟ้าสายต่างๆ สามารถเจรจาแบ่งรายได้ระหว่างกัน ลดปัญหาการเก็บค่าแรกเข้าซ้ำซ้อนในการเปลี่ยนสาย ซึ่งเป็นหนึ่งในต้นเหตุสำคัญที่ทำให้ค่าโดยสารสูงเกินจำเป็น
“สิ่งที่เรามองคือ ประชาชนต้องไม่เสียค่าแรกเข้าซ้ำซ้อน และค่าโดยสารรวมต่อการเดินทางหนึ่งเที่ยวควรลดลงมาอยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งการประเมินเบื้องต้นพบว่าอาจลดลงมาได้ที่ 35–40 บาทตลอดสาย มากกว่าจะเหลือเพียง 20 บาทตามที่เคยประกาศไว้” สิริพงศ์ กล่าว
สิ่งที่สิริพงศ์กล่าว สอดคล้องกับนโยบายหาเสียงของพรรคภูมิใจไทยก่อนในการเลือกตั้งทั่วไป 2566 ที่พรรคเคยเสนอนโยบาย ‘ตั๋วรถไฟฟ้าไม่เกิน 40 บาทต่อวันกี่เที่ยวก็ได้’
ขณะที่ ทพญ.ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ สส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ได้กล่าวถึงประเด็น ‘นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย’ ว่า เธอจะรอฟังคำตอบของรัฐบาลใหม่ในวันแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาว่านโยบายดังกล่าวจะถูกผลักดันต่อไปหรือไม่
ศรีญาดาให้เหตุผลว่า นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นหนึ่งในนโยบายที่สามารถลดรายจ่ายรายวันให้ประชาชน และรถไฟฟ้าก็ไม่ได้เป็นธุรกิจที่ทำกำไรในหลายประเทศ แต่เป็นสิทธิของประชาชนที่รัฐต้องลงทุน เพื่อสร้างโอกาสและโครงสร้างพื้นฐานในระยะยาวให้ประเทศต่อไป
อ้างอิงจาก