เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา (2566) ที่ประชุมใหญ่สามัญของพรรคสามัญชนได้ประกาศให้ ชุมาพร แต่งเกลี้ยง หรือ ‘วาดดาว’ จากกลุ่มเฟมินิสต์ปลดแอกเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ของพรรคสามัญชน เป็นผู้ถือธงนำขบวนพาผู้สมัครของพรรคเข้าสู่สภา
ถึงแม้ในการเลือกตั้งปี 2562 พรรคสามัญชนได้รับคะแนนเสียงทั่วประเทศเพียง 5,321 คะแนน แต่ในการเลือกตั้งรอบนี้ พวกเขายังยืนยันเดินหน้าต่อ ส่งผู้สมัคร ส.ส. เขต 1 คน และ ส.ส. บัญชีรายชื่อ 6 คน ซึ่งเมื่อไล่สายตาดูลำดับปาร์ตี้ลิสต์ จึงได้เห็นว่าผู้สมัครแต่ละคนล้วนน่าสนใจ อาทิ กรกนก คำตา นักเคลื่อนไหวที่ผลักดันเรื่องความเท่าเทียมทางเพศ หรือ สุริยา แสงแก้วฝั้น นักเคลื่อนไหวที่ผลักดันสิทธิผู้พิการ
แต่ตัวผู้สมัครเพียงประการเดียว ไม่ใช่เครื่องยืนยันว่าสามัญชนจะก้าวสู่สภาเพื่อผลักดันกฎหมายในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติได้ The MATTER ต่อสายคุยกับ วาดดาว ถึงเป้าหมายในการเลือกตั้งครั้งนี้ ความท้าทายในฐานะพรรคที่ไร้นายทุน และความฝันสูงสุดของพรรคสามัญชนในฐานะพรรคการเมืองหนึ่ง
- หัวหน้าพรรคสามัญชนคนใหม่
หลายคนน่าจะเคยได้ยินชื่อ ‘วาดดาว’ ในฐานะนักกิจกรรมที่ขับเคลื่อนสิทธิของผู้มีความหลากหลายเท่าเพศ หนึ่งในผลงานหลักของวาดดาวเกิดขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว (2565) โดยวาดดาวและเพื่อนได้ร่วมกันเปิดเว็บไซต์ support1448.org เพื่อรวบรวมรายชื่อประชาชนให้ครบ 100,000 รายชื่อเพื่อเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายประมวลแพ่ง ม.1448 และทำให้กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศได้รับสิทธิจากการสมรสเทียบเท่ากับเพศอื่นในสังคม
ถึงแม้สุดท้ายร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียมจะยังไม่ผ่านสภา แต่รายชื่อในเว็บไซต์มากกว่า 300,000 รายชื่อก็เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จในฐานะนักขับเคลื่อนประเด็นทางสังคม และความตื่นตัวของภาคประชาชนได้เป็นอย่างดี
วาดดาวอธิบายตัวตนของพรรคสามัญชนว่าเปรียบเสมือนพรรค Green Social Democrat คือพรรคที่มุ่งหวังสร้างสังคมที่เท่าเทียมเป็นธรรม มีสิทธิมนุษยชน มีสวัสดิการจากภาครัฐเป็นฟูกให้ประชาชน มีประชาธิปไตยที่ยึดโยงกับประชาชนอย่างเข้มแข็ง และมีนโยบายที่ปกป้องสิ่งแวดล้อมเพื่อส่วนรวม
ในฐานะหัวหน้าพรรคคนใหม่ วาดดาวกล่าวถึงเป้าหมายในตำแหน่งนี้ว่า พรรคสามัญชนจะขยายฐานของตัวเองให้กว้างขึ้น โดยจะเปิดสาขาพรรคอย่างน้อยใน 20 จังหวัด และเพิ่มสมาชิกพรรคอย่างน้อย 30,000 – 50,000 คน เพื่อให้ได้รับเงินอุดหนุนจาก กกต. มากขึ้นในหลักล้านบาท และเมื่อถึงเวลานั้น พรรคสามัญชนถึงจะเริ่มผลักดันแคมเปญ ‘คาราวานสามัญชน’ เพื่อลงพื้นที่ทั่วประเทศเช่นเดียวกับที่พรรคการเมืองภาคประชาชนในหลายประเทศเคยทำ
“เราเชื่อในการเดินทางแบบนั้น เราเชื่อว่าพรรคในรูปแบบสามัญชนจะเดินทางต่อเนื่องอย่างน้อย 10 – 20 ปี ถึงจะเห็นการเปลี่ยนแปลงประเทศอย่างแท้จริง” วาดดาวกล่าว
- เลือกตั้ง2566และพรรคสามัญชน
วาดดาวเริ่มจากอธิบายว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคสามัญชนเผชิญกับความยากลำบากจากกฎระเบียบหลายประการของ กกต. “เรา (พรรคสามัญชน) ไม่ได้รับประโยชน์จากกฎหมายเลือกตั้งเลย เพราะมันทำให้พรรคเล็กๆ ที่อยากทำงานการเมืองทำงานได้ยากมาก”
วาดดาวยกตัวอย่าง กฎห้ามพรรคการเมืองขายสินค้าออนไลน์ หรือค่าส่งผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อซึ่งพรรคการเมืองต้องเสียให้แก่ กกต. 10,000 บาท/ คน ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พรรคสามัญชนส่งผู้สมัคร ส.ส. รวมทั้งหมด 7 คนเท่านั้น
คำถามต่อมาคือ ในเมื่อการเลือกตั้งรอบที่แล้วพรรคสามัญชนได้คะแนนเพียง 5,283 คะแนน ในการเลือกตั้งรอบนี้ พรรคสามัญชนจะทำอย่างไรเพื่อให้ได้ที่นั่งในสภา?
วาดดาวมองว่าฐานเสียงหลักของพรรคสามัญชนคือกลุ่มคนที่ต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ โดยหลังจากช่วงหยุดสงกรานต์พรรคสามัญชนจะเริ่มหาเสียงอย่างจริงจัง โดยมีแนวทางหลักทั้งหมด 4 ประการ
ประการแรก จะขอรับบริจาคเสื้อผ้าที่ไม่ใช้แล้ว เพื่อนำไปทำเป็นป้ายหาเสียงของพรรค เพื่อลดค่าใช้จ่ายและลดขยะที่เกิดจากป้ายหาเสียง
ประการที่สอง จัดเวทีปราศรัยใหญ่ โดยวาดดาวระบุว่าจะมีการจัดเวทีปราศรัยใหญ่ใน 4 ภูมิภาค ร่วมถึงเปิดเวทีใหญ่ในกรุงเทพฯ
ประการที่สาม ระดมทุนโดยใช้ข้อกฎหมายที่เป็นปัญหาต่อสามัญชน เช่น ถ้าคุณเห็นด้วยกับการยกเลิ ม.112 สามารถบริจาคเงินให้พรรคสามัญชนเป็นจำนวน 112 บาท หรือถ้าเห็นด้วยกันกฎหมายสมรสเท่าเทียม ก็สามารถบริจาคให้แก่พรรคได้ในจำนวนเงิน 148.8 บาท
ประการที่สี่ เปิดเวทีสื่อสารนโยบายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ วาดดาวระบุว่าในช่วง 15 วันสุดท้ายก่อนวันเลือกตั้ง พรรคสามัญชนจะใช้โซเชียล มีเดียจัดเวทีสัมนาขนาดย่อม ดึงเครือข่ายนักเคลื่อไหวและผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคมาชี้แจงปมปัญหาและนโยบายต่างๆ เช่น ม.112, ที่ดินทำกิน, ประมง หรือสิ่งแวดล้อม
“เราเชื่อว่าแคมเปญหลังจากนี้ จะทำให้เราเป็นม้ามืดได้ เพราะก่อนหน้านี้เราเคยทำสิ่งที่ไม่มีใครเคยคิดมาก่อนได้ เช่น รวบรวมรายชื่อสมรสเท่าเทียม 100,000 รายชื่อภายใน 1 คืน หรือผลักดันปัญหา ม.112 ก็ตาม” วาดดาวกล่าว
* ในกรณีที่มีโอกาสได้เข้าสภา พรรคสามัญชนวางแนวทางทางการเมืองไว้ทั้งหมด 3 แบบ หนึ่ง วางตนเป็นฝ่ายค้าน สอง ร่วมตั้งรัฐบาลกับพรรคฝ่ายค้าน และพรรคซีกประชาธิปไตยทั้งหมด และสาม ในกรณีเกิดสูตรที่คอการเมืองพูดถึงกัน เพื่อไทย + ภูมิใจไทย + พลังประชารัฐ แต่ยังสู้เสียงโหวตของ ส.ว. ที่ส่งให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ไม่ได้ พรรคสามัญชนจะทบทวนการเข้าร่วมรัฐบาลในรูปแบบดังกล่าว
“ในทางการเมือง ถ้าเสียงทุกพรรครวมกันยังสู้เสียง ส.ว. ไม่ได้ เราอาจต้องทบทวนว่าจะเข้าร่วมไหม” วาดดาวอธิบายต่อ “เงื่อนไขคือให้การสรรหานายกฯ มาจากการเลือกตั้ง โดยไม่มี ส.ว. เข้ามามีอิทธิพล”
- ความฝันของ(พรรค)สามัญชน
ในการเลือกตั้งรอบนี้ เป้าหมายในการเข้าสู่สภาของพรรคสามัญชนมี 2 เรื่องสำคัญ เรื่องแรกคือ ผลักดันนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาและเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายทวงคืนผืนป่า 20,000 คดี และเรื่องที่สองคือ แก้ไขปัญหาของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการเมือง โดยเฉพาะในช่วงปี 2563 เป็นต้นมา (เกือบ 2,000 คดี) อาทิ คดีจาก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และจากการชุมนุม
อย่างไรก็ตาม เป้าหมายสูงสุดที่พรรคสามัญชนตั้งไว้มีทั้งหมด 4 ข้อ ประการแรก นำเสนอนโยบายที่ไม่ลดเส้นมาตรฐานสากลในเรื่องของสิทธิมนุษยชนสากล เช่น นโยบายยกเลิก ม.112 ประการที่สอง นำเสนอนโบายที่รักษาสิ่งแวดล้อมและความเป็นอยู่ของประเทศนี้ ประการที่สาม พาคนธรรมดาสามัญที่เป็นนักต่อสู้ทางการเมืองเข้าสู่สภาให้ได้
และประการสุดท้าย สร้างมิติใหม่ทางการเมือง โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงเชิงวัฒนธรรมการเมือง จากวัฒนธรรมครอบงำ (dominant culture) และอำนาจนิยม สู่วัฒนธรรมการเมืองแบบมีส่วนร่วม (partnership) ที่แท้จริง
“เราคิดว่าหลายคนเข้าใจผิดว่าเราอยากแค่เลือกตั้ง แต่เราบอกแล้วว่าชัยชนะของพรรคสามัญชนไม่ใช่การเลือกตั้ง แต่คือชัยชนะทางการเมือง เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศนี้” วาดดาวทิ้งท้ายในประเด็นนี้
“มากกว่าการชนะเลือกตั้ง พรรคสามัญชนอยากส่งข้อความไปถึงสังคมมากกว่าว่า พรรคสามัญชนอยากเห็นสังคมเป็นอย่างไร เช่น ข้อเสนอยกเลิก ม.112 ต้องมีในสังคม แม้เรารู้ว่าเข้าไป 1 คน ก็ยังไม่อาจยกเลิก ม.112 ได้ทันที แต่เราอยากบอกว่ามันเป็นทางออกของประเทศนี้ได้ นี่คือสิ่งที่เราต้องการมากกว่าชัยชนะอย่างล้นหลาม” วาดดาวกล่าว
- แพ้อีกจะยอมแพ้ไหม
ถ้าดูในเชิงตัวเลข คงไม่ผิดถ้าจะบอกว่าเป็นเรื่องยากเหลือเกินที่พรรคสามัญชนจะได้รับที่นั่งในสภาจากการเลือกตั้งรอบนี้ มันจึงเกิดคำถามที่น่าสนใจว่า ถ้ารอบนี้แพ้อีก พรรคสามัญชนจะยุติบทบาทหรือเปล่า?
“เราอยู่มาได้ตั้ง 6 ปี อย่างพรรคอื่นสมาชิกพรรคไม่ครบ 5,000 คนก็ต้องไปรวมพรรคอื่น บางพรรคสมาชิกไม่ครบ 10,000 คนต้องยกเลิกการเป็นพรรค แต่เราอยู่มาได้ 6 ปีแล้ว เราเคยได้รับการเสนอเงินเพื่อสนับสนุนพรรคสูงถึง 200 ล้านบาท แต่เราปฏิเสธ เพราะข้อแม้คือห้ามแตะ ม.112 และต้องทำงานกับ คสช. นี่คือวันที่เรารู้สึกว่าสามัญชนเท่มากที่เดินออกมาจากโต๊ะเจรจา เพราะไม่ใช่แนวทางของเรา” วาดดาวอธิบาย
“ดังนั้น อย่าห่วงพวกเรา ห่วงดีกว่าว่าจะได้ผู้นำจากระบบแบบเดิม ห่วงดีกว่าถ้าจะต้องอยู่ในระบบเดิม ห่วงดีกว่าว่าจะยังคงถูกปิดปากห้ามพูดถึงปัญหาของประเทศนี้” วาดดาวทิ้งท้าย
ดูรายชื่อผู้สมัคร ส.ส. พรรคสามัญชนได้ที่: https://prachatai.com/journal/2023/04/103491
อ้างอิงจาก:
https://party.ect.go.th/news/15
https://thematter.co/social/gender/interview-waaddao-gender/127058