COVID-19 จะกลับมาอีกครั้งไหม? เมื่อวานนี้ (15 เมษายน) วสันต์ จันทราทิตย์ หัวหน้าศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อโอมิครอน ลูกผสม ‘XBB.1.16’ ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ระบาดในประเทศอินเดียแล้ว จำนวน 6 ราย แต่ในประเทศไทยยังไม่พบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ดังกล่าวที่ต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาล
อ้างอิงข้อมูลจากต่างประเทศ พบว่า อาการสำคัญของสายพันธุ์ XBB.1.16 คือ ในผู้ป่วยเด็กจะพบอาการ ‘เยื่อบุตาอักเสบ’ ที่เกิดมาจากเชื้อไวรัส ไม่ใช่เชื้อแบคทีเรีย ฉะนั้นจะไม่มีหนอง และลักษณะของการอักเสบจะแตกต่างกัน ทั้งยังมีไข้สูง ไอ ซึ่งศูนย์จีโนมฯ ยังไม่มีข้อมูลเชิงลึกว่าผู้ป่วยที่เจอในไทยมีอาการอย่างไรบ้าง
นอกจากนี้ สายพันธุ์ XBB.1.16 ยังสามารถเกาะติดและติดเชื้อในเซลล์ร่างกายของมนุษย์ได้ดีกว่าทุกสายพันธุ์ที่ระบาดทั่วโลก และยังเอาชนะแอนติบอดี้จากการติดเชื้อตามธรรมชาติ และจากวัคซีนเข็มกระตุ้นได้อีกด้วย
อย่างไรก็ดีเมื่อวานนี้ น.พ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์ COVID-19 ระหว่างวันที่ 9 – 15 เมษายน พบผู้ป่วยรายใหม่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแล้วทั้งหมด 435 ราย เฉลี่ยวันละ 62 ราย ซึ่งมีแนวโน้มพบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้น 2.5 เท่าของสัปดาห์ก่อนหน้า
รวมทั้ง ยังมีรายงานผู้ป่วยปอดอักเสบ 30 ราย เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 58% และผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 19 ราย เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 36%
ทางด้าน น.พ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากรายงานผู้ป่วย COVID-19 ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลระยะนี้ ส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง พร้อมแนะนำว่า หลังสงกรานต์ให้เฝ้าระวังสังเกตอาการตัวเองอย่างน้อย 7 วัน และเมื่อเริ่มมีอาการป่วย เช่น มีไข้ เจ็บคอ ไอ มีน้ำมูก ให้ตรวจ ATK หากผลเป็นบวกก็ให้ปรึกษาแพทย์รักษาตามสิทธิและตามระดับอาการ แต่ไม่แนะนำให้ตรวจ ATK ขณะที่ยังไม่มีอาการ
ทั้งนี้ น.พ.โสภณ ยืนยันว่าโรงพยาบาล มียา เวชภัณฑ์ เตียงเพียงพอในการรองรับผู้ป่วยที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น และสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422
อ้างอิงจาก