นับเป็นประเด็นร้อนที่เกิดขึ้นบนโลกออนไลน์เมื่อวานนี้ (24 เมษายน) สำหรับเวทีประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2023 หลังจาก เฌอเอม–ชญาธนุส ศรทัตต์ มิสแกรนด์ลำพูน ปฏิเสธขอไม่เข้าร่วมกิจกรรมดูดวง โดยให้เหตุผลว่า “ตนเองเป็นคริสต์ เลยไม่สะดวกใจ” ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้แก่ ณวัฒน์ อิสรไกรศีล เจ้าของเวทีประกวด จนเกิดการถกเถียงกัน
โดยกิจกรรมดังกล่าว จะให้ผู้เข้าประกวดที่มีคะแนนป๊อปปูลาร์โหวตจากแฟนๆ มากที่สุด 3 อันดับ ได้รับสิทธิ์เปิดไพ่ดูดวง พร้อมกับรับคำแนะนำเพื่อพิชิตตำแหน่ง ซึ่งเฌอเอมมีคะแนนมากที่สุดเป็นอันดับ 1 แต่เมื่อถึงคิว เฌอเอมกลับเผยว่า “เอมเป็นคริสต์ค่ะ และมีขอบเขตเกี่ยวกับการดูดวง ก็เลยทำให้ไม่สะดวกใจ”
ณวัฒน์ตอบกลับทันทีว่า “พี่และเพื่อนพี่ตรงนี้ก็คริสต์กันหมด พี่จะสอนให้ฟังว่า การอยู่ร่วมกันในสังคมมันคือความหลากหลาย การยึดติดในบางสิ่งจะเป็นอุปสรรคอันใหญ่หลวงของเรา งานศิลปินเป็นงานที่ต้องใช้ศาสตร์ครบสูตร”
พร้อมระบุเสริมว่า “ตัวพี่ไม่ใช่พราหมณ์ แต่เข้าพิธีพราหมณ์ทุกครั้ง พี่ไม่ใช่คาทอลิก ก็เข้าโบสถ์ทุกครั้ง พี่ไม่ใช่มุสลิม แต่พี่ปฏิบัติตัวยิ่งกว่ามุสลิม คนที่ฉลาดเท่านั้นจะอยู่กับคนทุกประเภทได้…ถ้าเฌอเอมไม่อยู่กับคนทุกประเภท เฌอเอมก็จะไม่มีวันประสบความสำเร็จ
“ศาสนาก็เป็นเพียงรสนิยม…พระเจ้า พระอัลลอฮ์ พระพุทธเจ้าไม่ได้ให้ชีวิต เพราะฉะนั้นถ้าหนูยังคิดแบบนี้ ถือเป็นอุปสรรคใหญ่ของหนู เพราะงานของเวทีนี้เกี่ยวข้องกับความเชื่อเยอะมาก เพราะเราอยู่เมืองไทย” ณวัฒน์ระบุปิดท้าย
อย่างไรก็ดี เฌอเอมกล่าวขึ้นมาด้วยนำเสียงสั่นเครือว่า “หนูขอพูดสักครั้งก่อนได้ไหมคะ เพราะหนูคิดว่าจะไม่มีโอกาสได้พูดแล้ว…ตามจริงแล้วหนูอยากให้เพื่อนขึ้นมาถามแทน”
แต่ณวัฒน์ยืนยันว่า “นี่เป็นกติกา เฌอเอมจะไม่มีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น” ทำให้เฌอเอมขออนุญาตคืนไมค์แล้วเดินออกไป
หลักจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย โดยส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของณวัฒน์ เพราะหลายคนเห็นตรงกันว่า เวทีประกวดควรเคารพและให้เกียรติสิทธิและเสรีภาพ ความสมัครใจ ความเชื่อ ความศรัทธาของผู้อื่น ซึ่งถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ตามหลักประชาธิปไตย
“การอยู่ร่วมกันในสังคมมันคือความหลากหลาย ซึ่งคนที่เคร่งศาสนาก็คือหนึ่งในความหลากหลาย ถ้าเคารพความหลากหลายจริง ก็จะไม่เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้น” ความคิดเห็นหนึ่งระบุ
ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีความเห็นต่อประเด็นอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ศาสนาเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน การกล่าวว่า “พระเจ้าหรือพระอัลลอฮ์ ไม่ได้ให้ชีวิต” ถือเป็นความคิดที่ค่อนข้างเอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง เพราะพื้นฐานของทั้ง 2 ศาสนาต่างเชื่อว่า พระศาสดาของพวกเขาเป็นผู้สร้างและผู้ให้” และการระบุว่า “ศาสนาเป็นรสนิยม ไม่ใช่ชีวิตจิตใจ” ซึ่งหลายคนแสดงความคิดเห็นว่า การนับถือศาสนาเกิดจากความศรัทธา ไม่ใช่รสนิยม
นอกจากนี้ ทางฝั่งกองประกวดก็ออกมาตอบโต้ต่อกระแสที่เกิดขึ้นอย่าง “หมอแพมรู้สึกเสียใจมาก เพราะน้องเคยดูดวงกับแพมมาก่อน” หรือ “แฟนคลับในด้อมอุตส่าห์โหวตให้เป็นอันดับหนึ่ง ถ้าทีหลังไม่อยากทำก็แจ้งด้อมด้วยครับ เพราะเขาจะได้ไม่เสียกำลังใจหรือเสียเงินฟรี”
อย่างไรก็ดี เฌอเอมก็ออกมาชี้แจงประมาณว่า แฟนคลับของตนทราบดีว่าเฌอเอมเป็นคริสต์ ไม่ดูดวง แต่พวกเขาอยากสนับสนุนเฌอเอมก็เลยขอโหวต โดยคิดว่าโหวตไปก่อน หน้างานค่อยว่ากัน ซึ่งทำให้เฌอเอมไม่ติดอะไร เพราะคิดว่าเธอจะขออนุญาตให้เพื่อนขึ้นมาถามแทนได้ ซึ่งเป็นคำถามของเธอเอง
พอมาถึงจุดนี้ หลายคนคงสงสัยว่าทำไมชาวคริสต์ถึงไม่ดูดวง?
คำตอบก็คือ ศาสตร์ดูดวง ถือเป็นสิ่งที่นอกรีตสำหรับศาสนาคริสต์ นั่นเป็นเพราะหลักคำสอนตามพระคัมภีร์ สั่งห้ามไม่ให้ผู้นับถือศาสนาคริสต์เป็นหมอดู, โหร, หมอผี หรือพ่อมด
เนื้อหาในพระคัมภีร์ระบุว่า เพราะฉะนั้นอย่าฟังผู้พยากรณ์ หรือพวกโหรหรือคนช่างฝันของเจ้า หรือหมอดูหรือนักวิทยาคมของเจ้า ผู้ซึ่งกล่าวแก่เจ้าว่า “ท่านจะไม่ปรนนิบัติกษัตริย์แห่งกรุงบาบิโลนดอก” (เยเรมีย์ 27:9)
และพระเจ้าทรงจัดเตรียมแผนการที่ดีให้กับเรา ให้เราเชื่อและวางใจในพระเจ้า พระองค์ทรงจัดเตรียมแผนการที่ดีให้กับเรา ให้เราเชื่อและวางใจในพระเจ้า พระองค์ทรงนำทางในชีวิตของเราอยู่ทุกวัน (เยเรมีย์ 29:11, โรม 8:28)
ทั้งนี้ ไม่ใช่ว่าผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ทุกคนจะไม่ดูดวงหรือไม่เป็นหมอดูเลย เพราะมันขึ้นอยู่กับระดับความเชื่อ ความศรัทธาของแต่ละบุคคลว่าเคร่งมากหรือน้อยเพียงใด อย่างในปัจจุบัน ก็มีคนบางกลุ่มที่ไม่นับถือศาสนาอะไรเลย หรือนับถือมากกว่า 2 ศาสนาก็มี
อ้างอิงจาก