วันนี้ (25 พฤษภาคม) ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเปิดเผยว่า พนักงานอัยการสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดี 3 ได้ยื่นฟ้องในคดีมาตรา 112 ต่อ มัมดิว–กิตติคุณ ธรรมกิติราษฎร์ เจ้าของเพจเฟซบุ๊กมัมดิวไดอารี่ และ หนูรัตน์–ธิดาพร ชาวคูเวียง คอนเทนต์ครีเอเตอร์
จากกรณีทำแคมเปญโฆษณาลดราคาสินค้าบนแพลตฟอร์มขายของลาซาด้าร่วมกับ นารา เครปกะเทย เมื่อพฤษภาคมปีที่แล้ว โดยอัยการฯ กล่าวหาว่า พวกเธอทำคลิปโฆษณาล้อเลียนอดีตพระราชินี-เจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ฯ
ย้อนไปเมื่อปีที่แล้ว ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เป็นผู้เข้าแจ้งความคดีดังกล่าว ต่อมาในวันที่ 16 มิ.ย. 2565 มัมดิวและหนูรัตน์ถูกตำรวจควบคุมตัวตามหมายจับของศาลอาญา พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา ‘ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์’
ต่อมายังมีการแจ้งข้อหากับสองบริษัทที่เกี่ยวข้องกับโฆษณาดังกล่าว ส่วนในกรณีของนารา ถูกฟ้องแยกคดีเป็นอีกสำนวนหนึ่งไปก่อนหน้านี้แล้ว ทั้งนี้ อัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง โดยระบุว่า การกระทำดังกล่าวของมัมดิวและหนูรัตน์ที่มีเจตนาล้อเลียนสมาชิกราชวงศ์ โดยเฉพาะหนูรัตน์ที่แต่งกายคล้ายฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ฯ ซึ่งเป็นรัชทายาทของรัชกาลที่ 10
อย่างไรก็ดี อัยการได้ฟ้องข้อหาตามมาตรา 112 แยกเป็นสองกระทง กระทงแรกได้บรรยายพฤติการณ์ข้อกล่าวหาโดยสรุปว่า หนูรัตน์และนารา รวมถึงบริษัทโฆษณาและบริษัทขายสินค้า ได้ร่วมกันผลิตจัดทำวิดีโอโฆษณาขนาดสั้นและภาพนิ่งอันมีลักษณะเป็นการล้อเลียน ดูหมิ่น และแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และรัชทายาท
เพราะในคลิปมีรายละเอียดที่แสดงถึงการล้อเลียน คือ นาราไปถามหนูรัตน์ ซึ่งกำลังนั่งรถเข็นผู้พิการอยู่ว่าเสื้อของตนได้หายไปไหน ซึ่งนาราค้นเจอจากรถเข็นที่นั่งของหนูรัตน์ โดยหนูรัตน์ ได้มีการทำกิริยาท่าทางน่าเกลียด เช่น ทำมือชี้ท้องฟ้าแล้วทำตาเหลือก ก่อนที่จะลุกขึ้นยืนเพื่อแสดงว่าตนเองไม่ได้พิการจริง
ส่วนอีกกระทงหนึ่ง ได้บรรยายถึงจำเลยที่ 1 หรือ มัมดิว ผู้มาปรากฏตัวอในช่วงท้ายของคลิป ซึ่งมีการโฆษณาเซรั่มของนาราและนำสินค้ามาวางอยู่บนภาชนะคล้ายจานที่ทำจากหวาย มามอบให้มัมดิว ซึ่งแต่งกายด้วยชุดผ้าไหม นุ่งผ้าถุงลายไทย สวมใส่สร้อยคอ ตุ้มหู และสร้อยข้อมือไข่มุก ส่วนหนูรัตน์นั่งอยู่บนรถเข็น เป็นตัวประกอบไม่มีบทพูด แต่แสดงอาการพยักหน้าพึงพอใจกับสินค้าของนาราที่มอบให้กับมัมดิว
อัยการได้บรรยายคำฟ้องโดยสรุปว่า นารามีหน้าที่เป็นผู้ผลิตและอัปโหลดคลิปดังกล่าวบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย TikTok โดยมีหนูรัตน์ร่วมแสดงเป็นหญิงพิการที่นั่งอยู่บนรถเข็นและแต่งกายด้วยชุดไทยประยุกต์ นุ่งโจงกระเบน สวมใส่สร้อยไข่มุก แต่งหน้าและทำผมคล้ายเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ฯ ผู้เป็นรัชทายาทในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10
ส่วนมัมดิวได้ใช้สำเนียงการพูดช้าๆ มีลักษณะเฉพาะ มิใช่น้ำเสียงตามธรรมชาติของจำเลย หรือประชาชนทั่วไป ซึ่งเป็นการทำให้เข้าใจได้ว่ามัมดิวมีเจตนาล้อเลียนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ซึ่งเป็นสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงในรัชกาลที่ 10
ดังนั้น การกระทำของจำเลยทั้งหมด เป็นการจงใจแสดงให้ประชาชนที่พบเห็นเกิดความเข้าใจความหมายตามที่จำเลยแสดง ซึ่งเป็นการจาบจ้วง ล่วงเกิน ด้อยค่า และหมิ่นประมาทต่อสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ และสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ฯ อีกทั้งยังเป็นการด้อยค่า ดูหมิ่น และทำให้พระบรมวงศานุวงศ์ รวมถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 เสื่อมพระเกียรติ
ทั้งนี้ ศาลอาญาได้มีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัวจำเลยระหว่างพิจารณาคดี โดยกำหนดเงื่อนไขห้ามกระทำการในลักษณะเดียวกันอีก และห้ามชุมนุมที่อาจทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยให้วางหลักทรัพย์ประกันคนละ 90,000 บาท ซึ่งกรณีของมัมดิวและหนูรัตน์ได้รับความช่วยเหลือจากกองทุนราษฎรประสงค์
อ้างอิงจาก