สติกเกอร์หลากหลายสีสัน หลากหลายรูปแบบ ทั้งพระอาทิตย์ยิ้มแฉ่งสีส้ม สีน้ำเงิน หรือลายกระต่ายที่มาคู่กับเลขไทย และรูปแบบอื่นๆ อีกมากมาย กำลังติดอยู่บนรถบรรทุกหลักแสนคัน ทั่วประเทศไทย และว่ากันว่า หากติดแล้ว เมื่อเจอด่านตรวจสอบน้ำหนัก ก็ “ขับผ่านฉลุย”
นี่คือปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นในวงการรถบรรทุกที่มีมานานหลายปี แต่กำลังเป็นที่พูดถึงในวงกว้างอีกครั้ง หลังจากที่ ‘วิโรจน์ ลักขณาอดิศร’ ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ออกมา ‘เปิดโปง’ ไม่หยุด ตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม จนหน่วยงานราชการหลายฝ่ายต้องออกมาขยับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กองบังคับการตำรวจทางหลวง
ส่วยสติกเกอร์คืออะไร? ทำงานอย่างไร? ใครออกมาพูดอะไรบ้าง? The MATTER สรุปรวบยอดไว้ให้แล้ว
1.
“เจอสติกเกอร์นี้ที่ติดที่รถบรรทุก นี่หมายถึงอะไรหรือครับ” วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส. ผู้ได้รับฉายาจากพรรคก้าวไกลว่า ‘อุกกาบาต’ (คือยิ่งกว่าดาวรุ่ง) ทวีตเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พร้อมแนบรูปสติกเกอร์ลายพระอาทิตย์ยิ้มแฉ่งสีน้ำเงิน ที่มีเลข ๕ แทรกอยู่ด้านใน – เรียกได้ว่านี่คือการเปิดฉากมหากาพย์การเปิดโปง ‘ส่วยสติกเกอร์’
2.
เพราะหลังจากนั้น วิโรจน์ก็โพสต์เฟซบุ๊กรัวๆ ตั้งแต่วันที่ 26 พฤษภาคม จนถึงวันนี้ (30 พฤษภาคม) แฉส่วยสติกเกอร์ดังกล่าว ที่มีหลากหลายรูปแบบ ซึ่งเขาบอกเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคมว่า “ผมดูแล้ว ก็เป็นแค่สติกเกอร์เรียบๆ ไม่น่าจะมีระบบอิเล็กทรอนิกส์อะไร แต่ก็มีคนยืนยันว่ามันเป็น Easy Pass จริงๆ ถ้าติดแล้วผ่านฉลุยจริงๆ” พร้อมเตือนว่า “เบาได้เบา เลิกได้ก็เลิก เถอะนะครับ”
วิโรจน์อธิบายต่อมาในวันที่ 28 พฤษภาคม ถึง ‘สติกเกอร์ Easy Pass พิสดาร’ ว่า “มีคนร่ำลือกันว่า ต่อให้บรรทุกเป็น 100 ตัน ก็ขับผ่านฉลุย แถมไม่ต้องเสียเวลาชั่ง
“กลไกคือ จะมีองค์กรลึกลับไปไล่เคลียร์ แล้วเหมาจ่ายไปก่อน จากนั้นก็จะผลิตสติกเกอร์ Easy Pass พิสดาร (ที่ไม่เกี่ยวกับการทางพิเศษ) ออกมา แล้วนำมาจำหน่ายให้กับรถบรรทุกต่างๆ ในราคาหลักพันบาทต่อเดือน ตามระยะทาง และจำนวนด่าน” ซึ่งไม่มีกลไกอิเล็กทรอนิกส์ แต่ใช้เพียงตาสังเกต “เห็นปุ๊บ เป็นอันว่ารู้กัน”
3.
อย่างไรก็ดี เมื่อเอ่ยถึง Easy Pass ซึ่งเป็นชื่อของระบบทางพิเศษบนทางด่วน ก็ทำให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) รีบออกมาชี้แจงว่า สติกเกอร์ที่วิโรจน์นำมาโพสต์ กทพ.ไม่ได้เป็นผู้จัดทำ และช่องทาง Easy Pass ของ กทพ.ก็เปิดให้บริการเฉพาะรถ 4 ล้อ และต้องใช้บัตร Easy Pass ของ กทพ.เท่านั้น
วิโรจน์จึงตอบกลับเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ในโพสต์ที่มีหัวข้อว่า “ขอขอบคุณการทางพิเศษ (กทพ.) ที่ช่วยขยี้” โดยบอกว่า “สติกเกอร์อันนี้ มันไม่ใช่ Easy Pass ของการทางพิเศษ (กทพ.) อยู่แล้วครับ แต่เป็น Easy Pass แบบพิสดาร ที่ออกโดยองค์กรลึกลับ ที่สามารถทำให้รถบรรทุก ไม่ว่าจะขนดิน ขนหิน ขนทราย หรือบรรทุกของหนักแค่ไหน ก็ขับผ่านไปได้แบบฉลุย เผลอๆ บางที เอามาใช้ขนของผิดกฎหมาย ก็ได้ด้วยนะครับ”
4.
เอาล่ะ แล้ว Easy Pass พิสดารที่ว่านี้ มันทำงานยังไง? เรื่องนี้ อภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เคยให้ข้อมูลในงานเสวนาวิชาการ ‘อิทธิพลส่วยรถบรรทุกกับการคอร์รัปชั่น’ เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2565
เขาบอกว่า ‘ส่วยรถบรรทุก’ เป็นปัญหาที่มีมานาน 30-40 ปี เนื่องจากมีการแข่งขันทางธุรกิจอย่างรุนแรง ทำให้รถบรรทุกน้ำหนักเกินมีจำนวนมากขึ้น จึงเป็นที่มาของส่วยรถบรรทุก สอดคล้องกับที่วิโรจน์บอกว่า หากติดสติกเกอร์ในลักษณะนี้แล้ว จะทำให้ผ่านฉลุย ไม่ต้องเสียเวลาชั่งน้ำหนัก “ติดปุ๊บสามารถบรรทุกน้ำหนักได้ถึง 70-100 ตันทันที ผ่านตราชั่งได้ฉลุย”
5.
ประธานสหพันธ์การขนส่งฯ เพิ่งให้ข้อมูลใหม่ในวันที่ 29 พฤษภาคมด้วยว่า ปัจจุบันพบว่ามีรถบรรทุกที่จ่ายค่าสติกเกอร์อยู่ประมาณ 150,000-200,000 คัน จากจำนวนรถบรรทุกที่จดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ประมาณ 1,500,000 คัน โดยเฉลี่ยต่อเดือนมีมูลค่าหลักพันล้านบาท โดยในปัจจุบัน รูปแบบการจ่ายจะเป็นการจ่ายโดยผู้ประกอบการรถบรรทุก คันละประมาณ 10,000-27,000 บาทต่อเดือน ขึ้นอยู่กับน้ำหนัก
6.
และสติกเกอร์หลากหลายรูปแบบ ก็มีฟังก์ชั่นต่างกัน ไทยรัฐออนไลน์รายงานจากปากคำอดีตคนขับรถบรรทุก หากจะยกตัวอย่างลายพระอาทิตย์สีฟ้า ก็พบว่า จะใช้ผ่านด่านทั่วไป ระยะใกล้ ไม่ข้ามจังหวัด หรือพระอาทิตย์สีแดงหรือทอง เรียกได้ว่า ‘เฟิร์สคลาส’ ใช้ผ่านด่านได้ทุกจุด พบในผู้ประกอบการรายใหญ่ ส่วนรูปการ์ตูน เช่น ชินจัง โดราเอมอน หรือกังฟูแพนด้า ใช้ผ่านด่านที่มีข้อพิพาท ผ่อนปรนให้เฉพาะพื้นที่นั้นไม่ถูกเรียกตรวจ พบในผู้ประกอบการรายย่อย เป็นต้น
7.
ทางด้านพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดเผยวันที่ 28 พฤษภาคมว่า “จริงๆ ก้าวไกลได้พบปะหารือร่วมกับสมาคมขนส่งทางบกอยู่หลายครั้ง ทางสมาคมได้ร้องเรียนและแนบหลักฐานส่วยทางหลวง ไว้อยู่หลายกรณี ใครไม่จ่ายก็โดนเรียกตรวจตลอด ส่วนใครจ่ายก็ไม่เคยโดนเรียกตรวจเลย”
ซึ่งทางสหพันธ์การขนส่งแจ้งด้วยว่า วันที่ 1 มิถุนายน ทางสหพันธ์จะนำข้อมูลและหลักฐานไปมอบให้พรรคก้าวไกล มีทั้งที่มาของสติกเกอร์ 50-60 รูปแบบ คลิปเสียง และคลิปวิดีโอที่แอบถ่ายไว้และช่วยยืนยันว่าเรื่องนี้มีจริง แต่เผยแพร่ไม่ได้ เนื่องจากเกรงว่าจะผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ
8.
หลังจากวิโรจน์ออกมาแฉ ก็มีภาพหลุดไลน์กลุ่ม (ซึ่งวิโรจน์ก็เป็นคนนำมาโพสต์เองอีก) ให้ ‘สมาชิกทุกคัน’ แกะสติกเกอร์ลายกระต่ายออกให้หมด ขณะที่ พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง ได้ออกมายอมรับเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคมว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาที่มีมานาน
อย่างไรก็ดี พล.ต.ต.เอกราชมองว่า เรื่องส่วยคือปลายเหตุ ต้นเหตุคือเรื่องรถบรรทุกน้ำหนักเกินกำหนด จึงต้องแก้ไขในภาพรวม โดยเขาเปิดเผยว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สั่งการให้กองบังคับการตำรวจทางหลวงตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งจะมีการตั้งคณะทำงานตรวจสอบขึ้นมา หากพบกระทำผิดกฎหมาย จะต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐ เจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย
9.
ทำให้วิโรจน์ตอบกลับในวันเดียวกันบอกว่า “ต้นเหตุจะเป็นอะไรก็ช่าง แต่ตำรวจจะเอามาอ้างเป็นเหตุในการรีดไถ เก็บส่วยไม่ได้” และ “ต้นทางจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ แต่ปลายทาง มันต้องไม่ใช่ ‘ส่วย’ แน่ๆ” พร้อมเสนอให้จับ ปรับ ดำเนินคดีผู้กระทำผิดกฎหมายทันที รวมถึงแก้กฎหมายที่ไม่สอดคล้องในทางปฏิวัติ ไม่ทันสมัย โทษไม่สมส่วน หรือมีช่องว่างให้เรียกรับผลประโยชน์
10.
นอกจากนี้ อย่างเช่น สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่มีการเปิดเผยว่า ได้ประสานมายังสหาพันธ์การขนส่งฯ เพื่อขอหลักฐานทั้งหมดไปดำเนินการตรวจสอบ
รวมถึง อธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทวงคมนาคม ที่เผยว่า ได้สั่งให้ตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว และจะแถลงข่าวในวันนี้ (30 พฤษภาคม) และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่บอกว่า สั่งการไปแล้ว เดี๋ยวเขาคงจะตรวจสอบอยู่
11.
ทางออกของปัญหานี้คืออะไร? สหพันธ์การขนส่งฯ ได้เสนอทางออก 3 ข้อ ในงานเสวนา ‘อิทธิพลส่วยรถบรรทุกกับการคอร์รัปชั่น’ คือ
- เอาผิดผู้ว่าจ้างในการขนส่งสินค้า ที่ทำให้เกิดการบรรทุกน้ำหนักเกิน
- ให้ตำรวจทางหลวงติดตั้งเครื่องประเมินน้ำหนักรถบรรทุกบนโครงข่ายทางหลวงในระยะทางกว่า 50,000 กิโลเมตร ให้ครอบคลุมขึ้น เพื่อช่วยในการเข้มงวดกวดขัน
- ไม่ควรตั้งด่านตรวจสอบรถบรรทุกน้ำหนักเกินซ้ำซ้อน เพื่อแก้ปัญหาการเรียกรับผลประโยชน์ โดยเฉพาะบนเส้นทางหลัก
อภิชาติ ประธานสหพันธ์การขนส่งฯ ยังเสนออีกว่า อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันแก้ปัญหาอย่างจริงจัง โดยเฉพาะการบังคับใช้กฎหมาย และเมื่อมีเบาะแส ก็อยากให้ตรวจสอบผู้ว่าจ้างและผู้มีอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับส่วยสติกเกอร์ หากกระทำผิดก็ให้ลงโทษตามกฎหมาย เพราะสุดท้ายแล้ว ปัญหานี้ก็จะนำไปสู่การทำถนนชำรุดก่อนกำหนด เสียหายถึงภาครัฐที่ต้องจ่ายค่าบำรุง และความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนน
12.
ทางด้านรังสิมันต์ โรม ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล โพสต์บนเฟซบุ๊กวันนี้ (30 พฤษภาคม) ชี้ว่า รัฐบาลชุดใหม่จะต้องจัดการระบบที่ทำให้เกิดการเก็บส่วยให้ได้โดยเด็ดขาด
รังสิมันต์อธิบายว่า “สุดท้ายแล้วสิ่งที่เป็นรากฐาน เป็นต้นตอสำคัญของการมีส่วยไม่ว่าจะรูปแบบใดก็ตาม นั่นคือการมีอยู่ของระบบเส้นสาย ระบบตั๋ว และการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งในหมู่ข้าราชการ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจที่ผมพูดถึงบ่อยมาก หรือข้าราชการอื่นๆ ก็ตาม
“ภายใต้ระบบเช่นนี้ ผู้ที่จะเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ได้เลื่อนขั้นขึ้นไปเป็นใหญ่เป็นโตในอนาคตได้ ไม่ได้วัดกันที่ความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ตามขอบข่ายความรับผิดชอบของหน่วยงานนั้นๆ แต่กลับวัดกันที่ความสามารถในการหาเงินหรือผลประโยชน์อื่นๆ มาตอบแทนให้กับ ‘นาย’ ที่คอยขายตั๋วให้ หามาให้ได้โดยไม่ต้องสนใจว่ามันจะถูกหรือผิดอย่างไร”
แต่เรื่องอื้อฉาวเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร? เราในฐานะประชาชนก็คงต้องจับตาดูต่อไปกันอย่างใกล้ชิดว่า การ ‘ตรวจสอบ’ จะทำให้เจออะไรได้บ้าง
อ้างอิงจาก
facebook.com/wirojlak (1) (2) (3) (4) (5) (6)